นักรีวิวร้านอาหาร

ได้มากินบุฟเฟ่ ที่โรงแรม Novotel อีกครั้ง เพราะตอนนี้โรงแรม มีเทศกาล บุฟเฟ่ต์เนื้อวากิวและหมูดำคุโรบุตะ ถูกใจคนกินเนื้ออย่างเรานักหนา โดยเทศกาลนี้จะมีตลอดเดือน กรกฎาคม – สิงหาคม

ร้าน Square โรงแรม Novotel กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำที่ตั้งและการเดินทาง
ร้านอาหารจะอยู่ชั้น 6 ตรง Lobby ของโรงแรม ตัวโรงแรมอยู่ในส่วน ของ Platinum ถ้าเรามาด้วยรถไฟฟ้าก็ต้องลงที่สถานี ชิดลมแล้วเดินผ่าน Central World เอา เดินได้ค่ะ เดินเล่นๆ ดูนั่นนี่ เพลินๆไปแป๊ปเดียวถึง หรือถ้าจะเอาไปจอดก็ต้องจอดที่เดียวกับ แพลตตินั่ม คนเยอะเอาการค่ะวันนี้เรามากินเป็น Buffet เย็น กับเทศกาล เนื้อวากิว กับหมูคุโรบุตะ ที่เราจะให้เขาเอาไปย่างๆ ร้อนๆ หรือว่าจะไปผัดแบบมองโกเลีย ก็ได้ แล้วก็มีไก่ ให้เลิอกด้วยราคาบุฟเฟ่ อยู่ที่ 999++ 1 โดยบุฟเฟ่จะเริ่มตั้งแต่ 18.00- 22.00 นาฬิกา
ตอนนี้มีบัตรเครดิต ร่วมรายการ หลายบัตรเลย
ลด 50% สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกรุงศรี ซิตี้แบงค์ กรุงเทพ scb กสิกร
มา 3 จ่าย 2 สำหรับผู้ถือบัตรเครดิต ออมสิน

ดูรายละเอียดได้ตาม Link นี้เลยค่ะ
http://novotelbangkokplatinum.com/th/specialoffers/wagyu-beef-kurobuta-pork-buffet/
เริ่มกินกันเลยดีกว่า เริ่มจากเมนูพระเอกของงาน
เนื้อวากิว กับหมูคุโรบุตะ แล้วก็มีไก่ ด้วย โดยเขาหมักไว้แล้ว แล่มาชิ้นใหญ่ๆ เลย เราเลือกได้ว่าจะเอา เป็น มัสตาด เกลือกับพริกไทย แล้วก็ ซอสถั่วเหลือง โดยเราเลือกได้ว่าเอาไป ย่าง หรือจะผัดแบบมองโกเลีย ตอนเอาไปย่างก็สามารถเลือกได้ว่าจะเอาเป็น สุกระดับไหน ที่เราชอบก็เป็นน้ำจิ้ม เขาให้เลือกหลายอย่าง ทั้ง น้ำจิ้มแจ่ว ซีฟู้ด หรือว่า จะกินเปล่าๆ ก็มีรสชาติอยู่แล้ว กินเปล่าๆ ได้เลยเมนูอาหารจีน
ที่นี่โด่งดังเรื่องอาหารจีน เราไปครั้งที่แล้วก็ยังคงติดใจอยู่ เขาจะมี เป็ดย่าง กับหมูแดง หั่นให้กินกันสด กินอย่างเดียวเลย หรือว่าจะกินกับข้าวสวยก็ได้ แต่กินกับข้าวดูเหมือนจะตัดกำลังไปหน่อย เป็ด หมูแดงหั่นมาชิ้นใหญ่ ราดกับน้ำซอสหวานๆ แล้วก็เครื่องเคียง อย่างขิงดอง ผักกวางตุ้ง อร่อยเหมือนเดิมแล้วก็มีเกี๊ยวหมู ชอบกินแกงร้อนๆ ซดคล่องคอดี ตัวเกี๊ยว นิ่มดีค่ะ แป้งบาง ไส้เยอะ แต่ว่าน้ำซุปจืดมากไปหน่อย ต้องปรุงเยอะเลยสำหรับคนที่ชอบกิน รสจัดแบบเรา

ติ่มซ่ำ มีให้เลือกหลายอย่าง ทั้งขนมจีบ ฮะเก๋า ซาลาเปา สำหรับ เรา ยังไม่โดนมากเท่าไหร่ แป้งหนา แล้วไส้ก็ยังไม่กุ้งมาก หรือหมูมาก แต่กินร้อนๆ ก็อร่อยดีผัดแบบมองโกเลีย อันนี้เป็นผัดแบบสดๆ เราจะผัดเป็นผัดผักก็ได้ หรือ หมูผัดผัก ใส่เครื่องปรุงให้เขาทำให้กินสดๆ เลยเลย หรือหมี่เหลือง ก็ผัดมาอร่อยดี กินกันร้อนๆเมนูอาหารญี่ปุ่น
มีปลาดิบให้เลือก 2-3 อย่าง ปูอัด ปลาหมึก แล้วก็ข้าวปั้น มีให้เลือหลายหน้าอยู่ เรากินแต่ปลาดิบ สดอยู่ค่ะ
แซลมอลมีมาเติมให้ตลอด ๆ กินกันเพลินไปเลย แต่ข้าวปั้นไม่ได้กินเท่าไหร่ กลัวอิ่มเกินเมนูอาหารอินเดีย
เขาเริ่มมีอาหารอินเดียแล้ว วันนี้เราลองเป็น Chicken Pakora เป็นไก่ทอด แบบอินเดีย แล้วเขาก็มีซอสราด แบบอินเดีย ตัวไก่เราโอเคเลย มีรสชาติ เพราะเป็นคนชอบอาหารอินเดียอยู่แล้ว แต่ซอสที่ราดเราว่าเครื่องเทศแรงไปหน่อยเมนูอาหารไทย
มีส้มตำให้กินด้วย เราจะกินแบบที่เขาตำให้เป็นถาดๆ หรือว่า เราอยากกินแบบ ฝีมือเรา ก็ตำเองได้เลย เขามีเครื่องให้ครบ หรือเราหยิบนู่นนี่มาผสม อย่างเพื่อนเราเอาปลาแซลมอลมาทำเป็นเหมือนตำแซลมอล อร่อยด้วย แซ่บด้วย
ที่นี่เขามีข้าวให้เลือกทั้งข้างกล้อง ข้าวขาว แล้วก็มีกับข้าวพวกผัดผัก ไก่เทริยากิ ชอบไก่เทริยากิอร่อยดี ไก่นิ่ม ดีเมนูคานาเป้
ที่นี่มีคานาเป้ให้เลิอกเยอะเลย ทำมาเป็นคำเล็กๆ มีให้เลือกหลายอย่าง ทั้งทูน่า ปูอัด กุ้ง ผสมกับซอสหลายอย่าง เป็นคำเล็กๆ อร่อยดี แล้วชอบที่มีให้เลือกหลายอย่างดี

ยังมีอีกหลายอย่างให้เลือก สลัด ก็มีผักสลัดให้เลือกหลายอย่าง แต่น้ำสลัดมีให้เลือกไม่มากเท่าไหร่
มีขนมปังอบด้วย เนส ชีสมีครบเมนูของหวาน
เราชอบเมนู ขนมปังเนยพุดดิ้งมาก เนยพุดดิ้งหอมมากๆๆ เหมือนใส่นมหอม ชอบสุดๆๆ แล้วก็มีเค้กอีกหลายอย่าง แต่เราท้องอิ่มมากๆๆ เลยกินแต่ ขนมปังเนยพุดดิ้ง อันนี้สู้ตาย
เราปิดท้าย ด้วยชาร้อนๆ แก้วหนึ่ง หรือถ้าใครชอบกาแฟ ก็มีกาแฟให้เลือกกดได้เลยเป็นมื้อค่ำ ที่อิ่มอร่อย ครบรสเลย ถ้าใครชอบเนื้อก็รีบตรงกันไปเลยค่ะ กินได้จนอิ่ม แน่นอน

ครั้งนี้ได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมดีๆกับทาง Openrice ก็เป็น Party ครั้งที่ 47 แล้ว ครั้งนี้จัดที่ห้องอาหารเดอะ สแควร์ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ และได้เข้าร่วม workshop ทำซูชิและพิซซ่ากับเพื่อนๆ openrice user ท่านอื่นๆด้วย สนุกมากค่ะ จากนั้นก็ได้ลองอาหารห้องบุฟเฟ่ต์ ตอนนี้เค้ามีจัดเป็นโปรเนื้อวากิวและหมูดำคุโรบุตะมุมสลัดก่อนอื่นเราก็เลือกเนื้อตามใจชอบ มีเนื้อวากิว หมูคุโรบุตะ และอื่นๆ  รวมไปถึงผักและซอสหลากหลายชนิด จากนั้นเราก็ให้เบอร์โต๊ะกับพนักงาน พนักงานจะนำไปผัดบนเตาร้อน และไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะค่ะมีพิซซ่าอบร้อนแบบโฮมเมดด้วยค่ะหลายคนแนะนำว่าอาหารจีนของห้องนี้ก็อร่อยใช้ได้ มีเป็ดย่าง หมูแดงและติ่มซำนึ่งสดอาหารญี่ปุ่นมีซาชิมิ และซูชิต่างๆประมาณนึง ของสดกลางๆ ไม่หวือหวา เล็กชอบมุมส้มตำ จะตำเอง หรือจะเลือกแบบที่ทางเชฟตำให้แล้วก็อร่อยค่ะ จัดจ้านครบรสไลน์อาหารร้อนอื่นๆไลน์ของหวานมีให้เลือกเป็นขนมหวานโฮมเมด ไอศครีม และผลไม้สด ก็นับว่าเป็นการจบมื้อแบบสมบูรณ์ค่ะ รวมๆอาหารถือว่าหลากหลายเมื่อเทียบกับราคา รสชาติกลางๆ บรรยากาศดี บริการดี เดินทางสะดวกค่ะ 

สำหรับบุฟเฟ่ต์เนื้อวากิวและหมูดำคุโรบุตะมีจัดตั้งแต่เดือน กรกฎาคม – สิงหาคมนี้ ทุกเย็นตั้งแต่ 18:00 – 22:00 น. ในราคา999 บาท++/คน รวมน้ำเปล่า ชา และกาแฟแล้วค่ะ ในส่วนของโปรโมชั่นบัตรเครดิต ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ ก็นับว่าคุ้มราคาเลยทีเดียวค่ะ
- ลด 50% สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกรุงศรี ซิตี้แบงค์ กรุงเทพ scb กสิกร
- มา 3 จ่าย 2 สำหรับผู้ถือบัตรเครดิต ออมสิน

วันนี้ได้รับเชิญจากทาง Openrice ไปร่วมงาน Openrice Party ครั้งที่ 47 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรม Novotel Bangkok Platinum Pratunam ในห้องอาหาร The Square ซึ่งอยู่ชั้น 6 ของโรงแรมค่ะ เนื่องจากกิจกรรมครั้งนี้ มีแบ่งเป็น 2 Part ด้วยกันนะคะ คือกิจกรรมชิมอาหารบุฟเฟต์ และกิจกรรม Workshop ทำอาหาร เราเลยจะขอแบ่งรีวิวเป็น 2 ส่วน ซึ่งส่วนแรก เราจะเน้นไปที่ Workshop กันก่อนค่ะวิธีการเดินทางมา โรงแรม Novotel Bangkok Platinum Pratunam สามารถลงรถไฟฟ้าชิดลมแล้วเดินมาสักระยะนึงค่ะ ใช้เวลาเดินสัก 10-15 นาทีได้โรงแรมจะอยู่ตรงสี่แยกประตูน้ำเลย ติดกับห้างแพลตินั่ม ซึ่งถ้าขับรถมาทางโรงแรมก็มีบริการที่จอดรถให้เหมือนกันค่ะสำหรับกิจกรรม Workshop ในคราวนี้เป็นธีมโอลิมปิคค่ะ จัดขึ้นในห้อง Private ของห้องอาหาร The Square ตกแต่งด้วยธงชาติประเทศต่าง ๆ ขนาดคุณ ลลิตา Pr Manager สาวสวยยังคาดสายลายธงชาติไทยด้วยค่ะสำหรับ Workshop ครั้งนี้ จะแบ่งเป็น 3 Station 1.Station Sushi 2. Station Pizza 3. Station Canape ซึ่งกติกาก็คือจะแบ่งทีมสมาชิก openrice เป็น 3 ทีม ทีมไหนที่ใช้เวลาทำน้อยที่สุด และรูปร่างหน้าตาการใช้องค์ประกอบต่าง ๆ ดีที่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะไป ซึ่งผู้ชนะจะได้รางวัลจากทางโรงแรมเป็น Voucher ห้องอาหารมูลค่า 2 พันบาท เราแบ่งกันเป็น 3 ทีม ๆ ละ 4 คน โดยเริ่มแข่งจากทีมที่ 1 ก่อน ส่วนเราอยู่ทีมที่ 2ก่อนเริ่มแข่งขันเชฟ ได้มาสาธิตวิธีการทำและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในการทำอาหารค่ะ Station แรกเป็น Sushi ซึ่งเชฟบอกว่า ก่อนจะปั้นตัวข้าวต้องเอามือจุ่มน้ำ แล้วใช้มือตบกันเพื่อให้หยดน้ำกระเด็นออกไป ไม่เกาะมือค่ะ ส่วนตัวมีดที่จะใช้หั่นซูชิพอจุ่มน้ำเสร็จให้จับส่วนด้ามจับ แล้วเคาะลงกับโต๊ะเพื่อให้น้ำหยดเสมอกัน เวลาหั่นซูชิจะได้ง่ายและไม่ติดค่ะ รวมถึงเทคนิคการห่อข้าวปั่นสาหร่ายด้วยส่วน Station ที่ 2 คือ พิซซ่าค่ะ เชฟสอนว่าเวลานวดแป้งให้ใช้มือจับผงแป้งก่อนค่ะ แป้งพิซซ่าจะได้ไม่ติดมือ เวลานวดแผ่นแป้งให้นวดจากส่วนกลางก่อน แล้วถึงค่อยใช้ไม้คลึงนวดให้บางเสมอกันอีกที จากนั้นก็โรยด้วยเครื่องทั้งเนื้อสัตว์และผักไว้ที่หน้าพิซซ่า ปิดท้ายด้วยมอสซาเรลลาชีสเพื่อความสวยงาม และน่ารับประทานStation สุดท้ายเชฟไม่ได้สอนค่ะ บอกว่าอยากให้เราออกแบบกันตามสบายเลย โดยมีกติกาว่าให้ทำ 3 ชิ้นและใส่ในชามไซส์จิ๋ว วางเรียงให้สวยงามทีมที่ 2 เราใช้ยุทธวิธี แบ่งกันทีมย่อยละ 2 คน ทีมนึงไปทำ Sushi อีกทีมไปทำ canape จากนั้นจึงมารวมตัวกันที่ station pizzaเชฟกำลังตัดสินจากการแข่งขันค่ะ ทีมที่ 1 ใช้เวลานานกว่า 7 นาที ซึ่งใช้เวลานานกว่าทีมที่ 2 และ 3 จึงตกรอบไปก่อนค่ะ ส่วนทีมที่ 2 และ 3 ที่ทำเวลาใกล้เคียงกัน อยู่ที่ประมาณกว่า5 นาที เชฟเลยตัดสินจากทีมที่ 2 และ 3 เท่านั้น โดยใช้วิธีตัดคะแนนค่ะเปรียบเทียบซูชิจานแรกค่ะ ทีมที่ 3 ได้คะแนนไปเพราะการจัดวางและตกแต่งที่สวยงามกว่าค่ะเปรียบเทียบพิซซ่าค่ะ เชฟบอกว่าทีมเราคือทีมที่ 2 มีการตกแต่งที่ดูน่ารับประทานกว่า แต่โดนตัดคะแนนจากการทาซอสเลยขึ้นมาถึงตัวขอบพิซซ่าค่ะเชฟบอกว่ามาถึงตอนนี้ได้คะแนนเสมอกันค่ะ เลยจะเปรียบเทียบตัว Canape ถ้าทีมไหนได้คะแนนก็จะชนะไปโดยปริยาย เชฟดู Canape บอกว่าทีมที่ 2 มีการจัดเรียงตกแต่งที่ดูสวยงามกว่าทีมที่ 3 แต่ว่าทีมที่ 2 มีการใช้วัตถุดิบซ้ำกัน ใน 3 จานค่ะ ซึ่งตรงนี้โดยกฎของเชฟบอกว่า ถือว่าโดนหักคะแนน เพราะการเสิร์ฟที่ดี ไม่ควรใช้วัตถุดิบซ้ำกันในจานเดียวกัน จากการตัดสินแล้ว ทีมที่ 3 จึงเป็นผู้ชนะไปน่าเสียดายที่ทีมที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราถือว่าการได้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้นอกจากประโยชน์ และสาระที่ได้ในวันนี้แล้ว ยังได้รับความสนุกสนานความบันเทิงควบคู่กันไปด้วย ต้องขอขอบคุณทั้งทางทีมงานของ โรงแรม Novotel Bangkok Platinum Pratunam และทีม Openrice ที่ช่วยให้มีกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ขึ้นค่ะ คราวหน้าถ้าได้รับเชิญอีกไม่พลาดแน่ ๆ ค่ะ

The Raw Bar ร้านอาหารที่โดดเด่นเรื่อง Oyster, Lobster, Moules ซึ่งมีให้เลือกอร่อยหลากหลายแบบ วัตถุดิบทั้งหมดคุณภาพดี สดตรงจากทะเล นำเข้ามาจากหลายที่ และน่าทานทั้งนั้นเลยครับ บรรยากาศร้านด้านในตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ดูดี โดยจะเน้นที่เคาเตอร์บาร์ซึ่งจะโชว์ Oyster ตัวโตให้เลือกอร่อยได้ตามใจชอบ มีพื้นที่ให้เลือกทั้ง indoor และ outdoorส่วนเรื่องอาหารนั้นขออร่อยกับ Spicy Roasted Garlic Mussels (420 บาท) หอยแมลงภู่อบซอสเนยกระเทียมและพริกแห้ง ตัวหอยนั้นแน่นอนว่าสด อร่อยรสชาติหอมหวาน ซึ่งตัวซอสก็เข้มข้น แถมยังมีกลิ่นกระเทียมและพริกแห้ง ที่ช่วยเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน ยิ่งทานตอนร้อนๆ รับรองอร่อยถูกใจสุดๆส่วนเครื่องดื่มเอาใจคอที่ชอบ hangout กันหน่อยเพราะเป็นเมนู Homemade Limoncello (280 บาท) เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ 40% เป็นเหล้าเลมอนที่ทางร้านหมักขึ้นมาเอง มีกลิ่นหอมๆ สดชื่นสำหรับ The Raw Bar น่าจะถูกใจคนที่ชื่นชอบมานั่ง Hangout สังสรรค์กับเพื่อนๆ หรือครอบครัว เพราะจะได้เพลิดเพลินทั้งอาหารคุณภาพดี และเครื่องดื่มที่ลื่นคอ รวมทั้งบรรยากาศชิลๆ สบายๆ ใครชอบแนวนี้ก็แวะมาลองได้ครับ ร้านอยู่ที่ Central Festival EastVille โซนร้านอาหารทางเข้าห้างเลยครับ 

รีวิวนี้ ผมจะพาไปยังร้านอาหารแสนเก๋ ที่มีคอนเซ็ปต์ชัดเจนในอาหาร

แต่ละจาน ที่จะต้องมีองค์ประกอบที่ดี ไม่ใช่แค่อร่อย ไม่ใช่แค่รูปสวย

แต่ต้องเป็นทุกอย่างรวมกัน พร้อมกับคุณประโยชน์ที่ครบ 5 หมู่ของอาหาร

รวมถึงการตกแต่งร้านที่น่าสนใจ น่านั่ง เหมาะสำหรับมากินเป็นครอบครัว,

เพื่อน ๆ หรือมากันแบบเป็นคู่รักก็เหมาะสมดี

กับร้าน ABC ESSENCE IN EATERY สาขา Crystal Veranda ครับร้าน ABC ESSENCE IN EATERY สาขานี้นั้น ตั้งอยู่ชั้น 2

ในโครงการ Crystal Veranda เฟส 3 ซึ่งสาขานี้เป็นสาขาที่ 2

สำหรับสาขาแรกนั้นอยู่ที่ทองหล่อ ซอย 9 ครับโทนสีของร้านเป็นสีขาวสบายตา สังเกตได้ง่ายที่หน้าร้านนั้นจะเป็นกระจกใส

และเหล็กดัดสีขาวดัดเป็นรูปทรงรังผึ้งเก๋ ๆ อยู่ครับ ภายในของร้านค่อนข้างโปร่งโล่งเพราะเพดานสูง

ประกอบกับการใช้กระจกมาแต่งผนังให้ดูร้านมิติที่กว้างขวางขึ้น

พร้อมกับการใช้ลายไม้ให้ดูผ่อนคลาย อบอุ่นและนุ่มนวลวันที่ผมไปทำรีวิวนั้น ผมเลือกนั่งด้านในสุดของร้าน

จะเป็นลักษณะคล้ายเรือนกระจกและมีต้นไม้เลื้อยจากกระถาง

ที่ห้อยไว้บนหลังคา สวยงามมาก ๆ เลยครับ ซึ่งบริเวณนี้

สามารถจัดเลี้ยงเป็นปาร์ตี้ส่วนตัวได้อีกด้วยนะครับ (ลองติดต่อทางร้านดู)ลักษณะอาหารของร้าน ABC ESSENCE IN EATERY

จะเป็นสไตล์ฟิวชั่น แบบ all-day eatery

คือใช้หลักการรวมเพื่อเสริมซึ่งกันและกัน

และกินได้ทั้งวันพร้อมกับคุณประโยชน์ที่ครบ 5 หมู่ เริ่มต้นด้วย น้ำผลไม้สไตล์สมูธตี้ (ขวดละ 120 บาท)

ที่ใช้ผลไม้สด ๆ ทั้งหมด และมีให้เลือกถึง 5 รสชาติด้วยกัน คือ

ฝรั่งสีชมพู, สตอเบอร์รี่, มะม่วง, เบอร์รี่ และลิ้นจี่

(เรียงจากซ้ายไปขวา)

เท่าที่ได้ลองแต่ละรสชาตินั้น ก็เข้มข้นสุด ๆ ไปเลยครับ

สายสุขภาพน่าจะติดอกติดใจกันได้เลยส่วนคอกาแฟ ก็ไม่น้อยหน้ากันครับ กาแฟร้าน ABC ESSENCE IN EATERY

แนะนำให้ลองเลยครับกับตัว signature ของร้าน

ABC Signature Iced Coffee 140 บาท เมล็ดพันธุ์กาแฟไทย single origin จากไร่กาแฟของตัวเอง

ที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ แล้วนำมา blend จนได้สูตรเฉพาะของร้าน

โดยเสิร์ฟแยกเป็นนมเย็นใส่น้ำแข็ง ซึ่งนมเป็นนมรสหวานในแก้ว

กาแฟและไซรัปใส่มาในชุดกระติกแก้วน่ารัก ๆ ให้เราได้รินกาแฟลงไปในนม

ด้วยตัวเอง (แนะนำว่าชิมก่อนใส่ไซรัปเพิ่ม เพราะนมเป็นนมหวานครับ)

ไม่ผิดหวัง เป็นกาแฟเย็นที่รสชาติดีมากจริง ๆ ครับคอกาแฟร้อน ก็แนะนำให้สั่ง Hot Cappuccino 110 บาท

ที่จะเสิร์ฟออกมาหน้าตาละม้ายคล้าย latte art สวยงามอีกด้วย

มีคุกกิ้อรอ่ย ๆ มาให้แกล้มกับกาแฟครับคุกกี้มี 4 รสชาติด้วยกัน หากชื่นชอบสามารถซื้อหากลับบ้าน

กลับไปเป็นของฝากได้ด้วยครับสำหรับใครที่ต้องการเครื่องดื่มสวยงาม ก็ลองเลือกเครื่องดื่มสไตล์

อิตาเลียนโซดา อย่าง Frizzy Pop ที่มีให้เลือกอยู่หลายแบบเช่นกัน

ให้ความสดชื่น สดใสซาบซ่า ได้ดีเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็น Ocean Breeze 120 บาท ที่มีส่วนผสมของ

Blue Curacao, elderflower และ lemonWatermelon Elderflower 120 บาท ประกอบไปด้วย

watermelon, elderflower และ Blue Curaccao jello

เคี้ยวเพลิน ๆ กับเยลลี่ด้านบนไปพลาง จิบโซดาไปพลางPeachyberry 120 บาท

ที่อุดมไปด้วยนานาผลไม้ mixed fruits, Strawberry Puree และ Peaceสำหรับอาหารจานแรก เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย ชื่อว่า

Appetizer Platter

ที่ประกอบไปด้วย Crab rolls : fried crab ravioli : chipsCrab rolls 160 บาท หรือ เปาะเปี๊ยะสดไส้ปู อัดแน่นไปด้วยไส้เนื้อปูและผัก

เลือกจิ้มน้ำจิ้มได้ 2 แบบ คือ เผ็ดหวาน กับ เปรี้ยวเผ็ดแนวซีฟู๊ดFried Crab Ravioli 120 บาท หรือ เกี๊ยวอิตาเลียนไส้ปูทอด

เกี๊ยวไส้ปูทอดกรอบ จิ้มกับซอสมาโยวาซาบิ ผสมผสานระหว่าง

ตะวันตกกับตะวันออกได้ลงตัว กรอบ อร่อย ซอสคือดีChips 120 บาท หรือ มันฝรั่งทอดแบบมีเปลือกชิ้นหนา กรอบนอกถึงใน

โรยผิวด้วยพาเมซานชีส มาพร้อมซอสลับเฉพาะ ABC Signature Dip

ที่มี 4 รสชาติในซอสถ้วยเดียวกัน วิธีกินก็ต้องจิ้มมันฝรั่งทอด

ลงไปให้ลึกที่สุด แล้วดึงขึ้นมา จะได้ซอสทั้ง 4 รสติดขึ้นมาในครั้งเดียว

เรียกได้ว่า สอดใส่กิมมิคเล็ก ๆ น้อย ลงไปได้อย่างดี มีลูกเล่นในวิธีกินด้วยถัดมากับเมนู Egg Lava 140 บาท

ครัวซองต์สไตล์โฮมเมด สอดไส้เห็ด, poached egg ที่นำไปชุบแป้งทอด

ท็อปปิ้งด้วยเชดด้าชีสที่เยิ้มเหลวไปซอสคลุมทั่วครัวซองต์วิธีกินให้ตัดตรงกลางทีมีไข่อยู่ ไข่แดงจะไหลปนออกมาสีสันจะตัดกัน

กับชีสประหนึ่งเป็นลาวาไหลลงมาสู่สายธาร

คนชอบไข่ ชอบชีส ชอบขนมปังครัวซองต์ ผมขอแนะนำเลยParma Ham Tortilla 240 บาท

แป้งทอทิลย่า ที่ท็อปปิ้งด้วยพาร์ม่าแฮม อโวคาโด้ เห็ด

ผักร็อคเก็ตสลัด ข้าวโพดหวาน มอสซาเรลล่าชีส และไข่

ใส่ซอสมาโยกิมจิแล้วนำไปอบ ได้รสชาติตะวันออกแบบกิมจิ

และมายองเนสแบบตะวันตก บบแป้งทอทิลย่าและเครื่องตู๊ม ๆA Hungry Beast 250 บาท

เป็นอีกเมนูฟิวชั่นแบบ mixed and match แนวอาหารเช้า

มีทั้งไข่ดาว 2 ใบ ไส้กรอก เบคอนทอดกรอบ

มันฝรั่งทอดแบบลักษณะคล้ายแฮชบราวน์ และร็อคเก็ตสลัด

คุ้มค่ามากกับเมนูนี้ ได้อะไร ๆ มาเพียบในเมนูเดียวเลยส่วนสาวกสาย Healthy ต้องไม่พลาดจานนี้ Lean & Clean

อกไก่ซูวีร์ มาพร้อมกับออมเล็ตไข่ขาวและผักนานาชนิด

มาพร้อมกับน้ำสลัดรสแซ่บสไตล์น้ำใสใส่พริกสับกับน้ำส้มสายชู

อกไก่ขนาด 200 กรัม แนะนำว่าจานนี้ควรจะแชร์กันกับ

เพื่อนร่วมโต๊ะนะครับ ถ้ากินคนเดียวหมดมีจุกแน่ ๆตัดรสชาติด้วยจานเผ็ด แต่เผ็ดแบบฝรั่งด้วยซอสทาบาสโก้นำมา

กับ Spicy Crab Spaghetti 350 บาท ที่ใส่เนื้อปูชิ้นใหญ่ กับเส้นสปาเก็ตตี้

แบบ al dente ลูกเคเปอร์ ผักโขมและพริกแห้ง ผัดให้เข้ากันกับ

ซอสรสเผ็ดแบบเบา ๆ ไม่หนักไม่แฉะคล้ายน้ำมันพริก เป็นอีกจานที่น่าสนใจปิดท้ายของคาวด้วย Snow fish quinoa fried rice 450 บาท

เป็นข้าวผัดใส่ควินัว(พืชชนิดหนึ่งที่ให้สารอาหารสูงมาก)

ปรุงรสชาติคล้ายข้าวผัดกิมจิ/บิมบิมบับ มาพร้อมกับผักนานาชนิด

และท็อปด้วยปลาหิมะอบและไข่ดาวสุดสวย เป็นอีกจานที่กินอร่อยดี

โดยเฉพาะปลาหิมะ และคุณประโยชน์ที่ได้จากควินัวครับต่อกันที่ของหวาน Some more s'more? 220 บาท

เป็นบราวนี่และช็อคโกแล็ตซอสอยู่ด้านล่าง และมาร์ชแมลโลวอบด้านบน

ต้องใช้แครกเกอร์ตักตัดผ่านมาร์ชแมลโลวลงไปให้ถึงซอสช็อคโกแลต

และบราวนี่ กินพร้อมกับไอศกรีมวนิลาที่เสิร์ฟแยกออกมา ได้อรรถรส

ความหวาน ความมัน ความเข้มข้น อยู่ในคำเดียวกันได้อย่างดีเลยwaffle and friends 220 บาท

วาฟเฟิลอบสไตล์โฮมเมด ประดับประดาจัดมาเต็มด้วยผลไม้หลากชนิด

ราดด้วยซอสเบอร์รี่เชื่อม เพิ่มความหวานสไตล์แยมผลไม้

เป็นจานที่ดู Healthy เพื่อสุขภาพอีก 1 จานของหวาน

และกินคู่กับไอศกรีมโฮมเมดรสวนิลา ก็อร่อยเพิ่มขึ้นไปอีกสุดท้ายกับ Blueberry Cheese Jar 150 บาท

เก๋ไก๋ด้วยการจัดการเสิร์ฟแบบแหวกแนว โดยการตัดชีสเค้ก

เป็นก้อน ๆ พอดีคำ ลงไปให้ภาชนะเหมือนขวดโหลแก้ว

แล้วราดด้วยซอสบลูเบอร์รี่ ตักกินทีละคำทีละชิ้นได้อย่างลงตัวจากทั้งหมดทั้งมวลที่เห็นและได้ชิมไปในรีวิวนี้นั้น

ก็จัดได้ว่าร้าน ABC ESSENCE IN EATERY

จัดการกับคอนเซ็ปต์ของร้านตามที่เกริ่นไว้ได้หมดทุกอย่าง

ตอบโจทย์ที่ตัวเองตั้งขึ้นมา เพื่อตอบสนองต่อลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น

และครอบครัวที่รักสุขภาพ ความสวยงาม

เพราะไม่ว่าจะทั้งหน้าตาอาหาร ความผสมผสานของอาหาร

ด้วยวัตถุดิบต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นให้ได้สารอาหารครบ 5 หมู่

และรสชาตินั้น ก็เข้าถึงแก่นแท้ของอาหารด้วยความเป็นธรรมชาติ

ใช้ผักและผลไม้เป็นตัวเชื่อมกันในจานของตัวเอง

ติดตามข่าวสารความอร่อยของร้าน รวมถึงสำรองโต๊ะได้ที่

ABC ESSENCE IN EATERY

สาขา Crystal Veranda(เลียบด่วนรามอินทรา)

ชั้น 2 เฟส 3

โทร.082-451-9929

สาขาทองหล่อ ซ.9

ชั้น 3 / 9:53 Community Mall

โทร.083-096-0425

fb : abc.eatery

ig : abc.eatery

line : @abc.eatery

e-mail : abc@abceatery.com

ขอให้มีความสุขกับอาหารสวยงาม รสชาติดี เพื่อสุขภาพที่ดีกันนะครับ