Thai | English
สาวเหนือเซาะกิ๋น
ฉันชื่อสาวเหนือเซาะกิ๋น . I am a นักเขียน อาหารไทยทั่วไป, อาหารญี่ปุ่น, อาหารเกาหลี are my favorite cuisines. ชอบไปลั้นลาที่ ร้านผับแอนด์เรสเทอรองต์, ร้านในโรงแรม รีสอร์ต, ร้านผับ/บาร์และขนมหวาน ไอศครีม, ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่, ซูชิ ซาซิมิ.
สมาชิก 27 รีวิวแรก
รีวิว39 รีวิว
編輯推介數目28 Editor's Choice
Recommended1 แนะนำ
ความนิยม443 เข้าชม
Replies in Forum0 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ411 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ0 วิดีโอ
My Recommended Reviews0 รีวิวแนะนำ
My Restaurant37 ร้านโปรด
Follow0 Following
粉絲60 Follower(s)
สาวเหนือเซาะกิ๋น  Level 3
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 1 ถึง 5 จาก 39 รีวิวใน ประเทศไทย
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ร้านเค้กและเบเกอรี่ | ร้านกาแฟ / ร้านชา | คาเฟ่ | ลำลอง

ร้าน Bear Hug Cafe ตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนพาณิชยการเชียงใหม่ หรือที่คนเชียงใหม่เรียกกันว่า พาณิชย์น้ำขือ (ภาษาเหนือ แปลว่า น้ำคลอง,คูเมือง) เพราะอยู่ตรงข้ามคูเมืองเยี่ยงแจ่งขะต้ำ หรือตรงข้ามวัดทรายมูลเมือง เปิดตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า - 6 โมงเย็น ปิดวันพุธ หน้าร้านหาไม่ยากค่ะ เพราะมีมาสคอตเชฟหมีสีฟ้าตัวเบ้อเร่อตั้งอยู่หน้าร้านที่เป็นเหมือนบ้านไม้ยืนเด่นขนาดนี่

 
หน้าร้านจัดสวนน้ำตกร่มรื่น เห็นลูกค้าฝรั่งมานั่งรับลมแดดกันเยอะ...แต่คนไทยม่ายหวายค่ะ ยังร้อนอยู่ดี ขอไปหลบลมร้อนในร้านดีกว่า

 
เดินเข้ามาภายในร้านได้เจอแอร์เย็นเสียที ด้านหน้าร้านก็มีเคาน์เตอร์บาร์แบบนั่งเดี่ยวหันหน้าเข้าหากระจกชมวิว บนโต๊ะมีเครื่องประดับของน่ารัก

 

 

 

 

 

 
ภาพเมนูอาหาร

 
เมนูกาแฟ

 
มุมน้ำดื่ม

 
ห้องน้ำห้องท่ากับบันไดขึ้นไปชั้นสอง

 
อ่างล้างมือ

 
บนชั้นสอง

 

 

 
มาลองที่เมนูอาหารเช้ากันก่อนค่ะ ที่นี่เสิร์ฟเมนูอาหารเช้าทุกเวลา ไม่จำกัดเวลาก่อน 10 โมงเช้าแบบร้านหรือโรงแรมทั่วไป ดังนั้นใครอยากกินอาหารเช้า ก็มาที่ร้านนี่ได้ เริ่มที่เมนู Crispy Ham Chesse Sandwich (85 บาท) หรือแซนวิชไส้แฮมชีส แต่ที่พิเศษคือ ขนมปังที่ประกบนั้น เป็นขนมปังชุบเกล็ดขนมปังชุบแป้งทอดจร้า รสชาติหอมไข่ กรอบ ชีสแฮมก็รสชาติใช้ได้

 
Crispy Ham Chesse Sandwich

Crispy Ham Chesse Sandwich

 
อีกเมนูของหนักอีกอันคือ Teddy Bear Pie (65 บาท) เป็นพายรูปหมีพูส์ เป็นพายอบร้อนไส้ไก่กระฟั้พกับแครอทหั่นชิ้นลูกเต๋า รสชาติกลางๆค่ะ คิดว่าชิ้นเล็กไปหน่อย กินไม่ค่อยอิ่ม

 
ลองมาดูเมนูเครื่องดื่มกันค่ะ เข้ามาอยู่ในที่เย็นฉ่ำปอดแระ...เลยสั่งกาแฟร้อนได้เลย จึงสั่ง Hot Bear Latte (45 บาท) เพ้นท์หน้ากาแฟเป็นรูปหมีตามธีมของร้าน ชอบฟองนมและรสชาติของกาแฟนี่ จะได้รสนมกลบความแรงขมของกาแฟหน่อย

 
แต่หน้าร้อนก็ควรสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ฉ่ำปอด กับ Mixed Berry Smoothies (75 บาท) เนื้อสมูตี้ไม่แห้ง มีส่วนประกอบน้ำฉ่ำๆ เนื้อเยอะไม่เหลวจนเกินไป ปั่นสดชนิดกรุบกรับเมล็ดของผลเบอรี่ที่ผสมไปด้วย รสชาติเปรี้ยวเย็นขึ้นหัว ปริมาณเยอะคุ้มราคา

 
หรือถ้าชอบดื่มชาเย็นๆ ก็ลอง Iced Green Latte (60 บาท) ตอนแรกอิฉันไม่ค่อยชอบดื่มชาเขียวเย็นนัก เพราะเคยดื่มหลายที่รู้สึกขมเหม็นเขียวหน่อยๆ...แต่เห็นเป็นเมนูแนะนำ ก็เลยลองของมันซะหน่อย...ปรากฎว่าชอบแฮะ เพราะรสชาติของนมกลบความขมของชาเขียวได้กำลังพอดี คือไม่กลบชนิดไม่เหลือความขม แต่มีความหวานของนมมากกว่า เครื่องดื่มนี่ก็โอเคเลย

 
Bear Hug Toast (115 บาท) เป็นโทสแบบราดน้ำผึ้ง มีท้อปปิ้งเป็นกล้วย กับคอนเฟล็ก...เนื้อขนมปังจะแข็งเล็กน้อย น้ำผึ้งไม่หวานจัดมากนัก

 
ส่วนอีกแบบเป็น Mango Toast (115 บาท) เป็นโทสแบบมีท็อปปิ้งเป็นชิ้นผลไม้หั่น อย่างกีวี กล้วยกับมะม่วง ราดช็อกโกแลต...ปริมาณเยอะชนิดอิ่มแทนข้าว มากกว่าจะเป็นของหวานล้างปากเล็กๆน้อย จานนี่ไปกินสองคนนี่อิ่มกำลังดี (แต่อิฉันกินคนเดียวเลยจุเลยค่ะ เหอๆ)
Mango Toast

Mango Toast

 

 
สรุปเรื่องการบริการนั้น พนักงานให้บริการอย่างดีค่ะ...แต่ค่อนข้างจะลืมออเดอร์ตอนจ่ายเงิน เพราะตอนเช็คบิล จะมีการทวนถามออเดอร์จากลูกค้า หรือถามว่าลูกค้านำป้ายเลขอะไร...ซึ่งเรารู้สึกแปลกว่า ปกติไปกินร้านไหน ในเครื่องจ่ายเงินจะมีบันทึกว่าโต๊ะเลขไหนสั่งเมนูอะไร...คือคิดในอีกแง่ว่า ถ้าเจอลูกค้าหัวหมอบอกเมนูน้อยๆ นี่จะคิดเงินผิดหรือเปล่าหว่า...ส่วนในร้านก็มี wifi ฟรีให้เล่น แรงใช้ได้...ร้านนี่มีที่จอดรถยนต์ข้างๆ ร้านด้วยนะค่ะ มีคนเข้ามาใช้บริการจนโต๊ะแทบไม่มี เพราะความเด่นดังของร้านในธีมหมีๆนี่แหละ ใครมาเที่ยวเชียงใหม่ และเป็นคอขวัญคนรักหมี ก็ลองแวะมาที่ร้าน Bear Hug Cafe ได้นะค่ะ
Supplementary Information:
อาหารเช้าเป็นแบบบริการทุกเวลา ไม่จำกัดว่าบริการเฉพาะช่วงเช้า
 
Table Wait Time: 15 minute(s)


วันที่ไปกิน: Mar 31, 2015 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿100(อาหารว่าง)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 4  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารจีน | ร้านอาหารทั่วไป | ติ่มซำ ขนมจีบ ซาลาเปา | ลำลอง

สาวเหนือกลับมารุงรังอีกรอบแล้วจ้า
ปกติหน้าร้อนแบบนี้น่าจะหาร้านอาหารกิ๋นของเย็นๆ รับกับฤดูร้อน...แต่เนื่องจากอิฉันดองรีวิวร้านไว้หลายร้าน กว่าจะถึงหน้าฝน-หนาว คงดองเค็มได้ที่แหง ก็เลยเอามาทยอยรีวิวให้หมดๆไปเลยดีกว่า ไม่งั้นดองนานๆ เดี๋ยวบางร้านเจ๊งไปซะก่อน!? จะเสียรีวิวไปเปล่าๆ (เหตุผลแค่เนี้ย!)
ร้านนี่สาวเหนือจะพาไปกินอาหารเย็น ย่านถนนช้างม่อยตัดใหม่ ที่เยี่ยงกับสี่แยกทางเข้ากาดหลวง หลังวัดแสนฝาง (เอาเป็นว่าถ้ายังงงอยู่ ก็ดูในแผนที่ล่ะกัน) แถวนั้นจะเป็นย่านชุมชนรวมบรรดาของกินในช่วงยามมิดไนท์ ซึ่งร้านแถวนั้นรับประกันว่าเป็นร้านเก่าที่อยู่มาหลายปี สไลต์ร้านอาหารห้องแถวแบบภาษาวัยรุ่นยุคนี่คงต้องเรียกว่า วินเทจอินดี้ (จะเติมคำว่าฮิปเตอร์เข้าไปด้วยก็ได้นะเออ) และร้านที่อิฉันจะพาไปชื่อร้าน...ป. ติ่มซำ

 
ร้าน ป.ติ่มซำตั้งมาได้ราว 5 ปีแล้วค่ะ เป็นร้านติ่มซำสูตรหาดใหญ่ ซึ่งเปิดเฉพาะตอนเย็น...ฟังไม่ผิดค่ะ เปิดตอนเย็นจริงๆ เพราะคนเชียงใหม่ไม่ได้กินติ่มซำเป็นอาหารเช้าแบบคนภาคใต้ จะกินเป็นอาหารเย็นมากกว่า ร้านเปิดเวลา 16.30-22.30 น. ทุกวัน ร้านมีที่นั่งไม่ถึง 10 โต๊ะ ส่วนที่จอดรถ...ต้องวัดดวงกันค่ะ เพราะเป็นร้านในตรอกซอกซอย แค่รถขับสวนกันก็แถบจะสีข้างถลอกกันอยู่แล้ว ดังนั้นไปหาจอดที่ใกล้วัดแสนฝางแล้วเดินมาจะสะดวกกับสวัสดิภาพรถของท่านดีกว่า...และที่สำคัญ ร้านไม่มีแอร์นะค่ะ มีแต่พัดลม ดังนั้นไปกินกันตอนดึกๆหน่อยน่าจะดี เพราะอากาศเชียงใหม่ตอนดึกจะไม่ร้อนทรมานชนิดรองพื้นบนหน้าอิฉันละลายเท่าตอนกลางวัน (ดูเปรียบเปรยนะ)

เข้ามาในร้านก็รีบสั่งดูเมนูที่ตู้กระจกกันเลยค่ะ ถาดละ 22 บาทเท่ากันหมด ติ่มซำส่วนใหญ่มีส่วนผสมของกุ้ง ใครแพ้กุ้งขอให้สอบถามพนักงานก่อนว่าอันไหนไม่มีกุ้งนะค่ะ

 
เสร็จแล้วเขาจะนำไปนึ่งในเตาด้านนอก จะนึ่งแยกเป็นเข่งๆ ไม่ได้นึ่งหม้อใหญ่ทีเดียว ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็ได้เจี๊ยะแล้ว เพราะเตาร้อนมาก

 
พอนึ่งได้แล้ว โต๊ะเขาจะแจกผักกาดแก้วมาให้ถาดนึง...เอาไว้กินแก้เลี่ยนค่ะ เพราะกินไปนานๆ จะเริ่มเลี่ยนลิ้นจริงๆ เพราะรสชาติจะมันๆหน่อย เครื่องจิ้มมีกระเทียมเจียว จิ๊กโชว ซีอิ๊วหวาน ซอสพริก มีหมด

 

 
ที่นี่มี ตีนไก่ตุ๋นน้ำแดง ราคา 45 บาท รสชาติกลางๆออกไปทางจืดหน่อย เนื้อมันยุ่ยๆเคี้ยวมันนิดนึง (สงสัยกินติ่มซำจนลิ้นเลี่ยนไปเลยก็ได้) แต่สรุปสาวเหนือชอบติ่มซำมากกว่าตีนไก้อ่ะนะ

ใครสั่งหลายเข่ง แล้วคิดเลขบ่ทัน ที่ร้านเค้าก็ติดป้ายคูณจำนวนเข่งกับราคาไว้ให้เลย (อันนี้ไม่ใช่สั่งมากเข่งแล้วถูกกว่านะค่ะ ราคาเข่งละ 22 บาทเท่ากันหมด)

 
สรุปโดยรวมแล้ว ถ้าไปกินตอนอากาศเย็น อาจจะรู้สึกกินได้สบายกว่านี่นะค่ะ รสชาติกินไปนานๆแล้วเลี่ยนลิ้นจริงๆ เลยต้องมีผักกาดแก้วกินแกล้มด้วย (แปลกอย่างว่าไปกินติ่มซำภาคใต้ อากาศเค้าร้อนมากกว่าเชียงใหม่ แม้จะเป็นตอนเช้า แต่ทำไมกลับรู้สึกไม่เลี่ยนซะงั้น อาจจะเพราะว่าทานโจ๊กกับบะกุเต๋แกล้มไปด้วยก็ได้ แต่ที่นี่มีแต่ผักกาดแก้วอย่างเดียว) พนักงานก็บริการโอเคค่ะ แม้จะมีน้อยไปหน่อยเพราะกำลังรับสมัครพนักงานอยู่ สรุปคือรสชาติโอเคออกไปกลางๆ ใช้ได้อยู่ แต่สาวเหนือยังติดใจติ่มซำภาคใต้ที่กินที่กระบี่มากกว่าแฮะ
Supplementary Information:
ที่จอดรถไม่ค่อยมี ต้องวัดดวงเอา
 
Table Wait Time: 10 minute(s)


วันที่ไปกิน: Mar 01, 2015 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿22(มื้อดึก)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 3  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ร้านกาแฟ / ร้านชา | ร้านในคอมมูนิตี้มอลล์

สาวเหนือกลับมารุงรังอีกรอบแล้วเน้อ
รีวิวร้านนี่เหมือนเป็นร้าน To Fast To Sleep แถวสามย่านเมืองบางกอก ที่อิฉันบังเอิญได้ไปดูงาน (ขนาดนั้น!) เมื่อสองสามปีก่อน ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่ 24 ชม. สำหรับเน้นกลุ่มนักเรียน คนทำงานชีวิตนกฮูก ที่กลางคืนไม่รู้จักหลับจักนอนรังตัวเอง ต้องถ่อสังขารมาติวหนังสือตอนดึกๆ ที่คาเฟ่ บ้างก็เป็นนกฮูกโดดเดี่ยว บ้างก็เป็นนกฮูกมาทั้งก๊ก บางทีเห็นนอนสลบคาโต๊ะไปเลยก็มี(กล้านอนในที่ที่ไม่ใช่ห้องหับตัวเองได้ยังไงนิ) แต่ร้านลักษณะนี่ได้รับความนิยมมากในขณะนั้น ชนิดหาโต๊ะนั่งไม่ได้เลย ใครใคร่อยากนั่งนานจนรากงอกแผ่กิ่งก้านใบก็ตามสบาย(ตราบใดที่ทั่นยังจ่ายค่าอาหารเกิน 100 แน่นอน) เรียกว่าเป็นร้านที่ช่วยตอบโจทย์แก้ปัญหานักเรียนชอบไปนั่งติวหนังสือ(หรือขายประกัน หรือสอนขาย MLM) ตามร้าน fastfood จนเป็นปัญหาระดับชาติมาแล้ว...ซึ่งปัญหาที่บางกอกเกิดฉันใด เชียงใหม่ก็เกิดฉันนั้น แต่ตอนนั้นยังแทบไม่มีร้านไหนกล้าทำ เพราะนั้นหมายความว่าต้องมีศักยภาพในการแบกค่าไฟบานแน่นอน เพราะเป็นร้านเปิด 24 ชม.
แต่ในที่สุด กรุงเทพมีอะไร เชียงใหม่ก็ต้องมีบ้าง...กรุงเทพมี To Fast To Sleep เชียงใหม่ก็มีร้าน CAMP บนชั้น 5 ห้างสรรพสินค้า MAYA สี่แยกรินคำ ที่จะไปย่านนิมมานฯ นั้นแล

สถานที่ตั้งของร้านคงหาไม่ยาก ก็คือห้างสรรพสินค้า MAYA (เมญ่า) ที่สี่แยกรินคำนั้นเลย ร้านอยู่บนชั้น 5 นั้นแล กดลิฟท์แก้วขึ้นมาโลด
ร้าน CAMP เป็นร้านที่ก่อตั้งจากบริษัท AIS เพื่อให้เป็นแหล่งศูนย์รวมวัยรุ่นเด็กเรียนมาติวหนังสือ ทำการบ้าน ประชุม แถมกินข้าวในร้านเลยเสร็จสรรพ (แต่ถึงขั้นนอนไหมนี่ ไม่เคยไปร้านตอนดึกแฮะ เลยไม่ได้ไปสังเกตการณ์) กลุ่มรองลงมาก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย มาเช่าใช้ห้องประชุม นอกนั้นก็จะเป็นกลุ่มย่อยเช่นคนทำงาน ที่นี่มีทั้งอาหาร ปลั๊กไฟ wifi พร้อม นั่งกันจนรากงอกกันไปข้างนึง เปิดตลอด 24 ชม. ใครดูรีวิวรี่แล้วจะโลนไปร้านเลยก็ยังได้
ด้านนอกร้านฝั่งขวา ก็มีที่นั่งสำหรับรอได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นลูกค้าของร้าน ก็จะมีคนมาดูหนังที่ SF บางคนหาที่นั่งไม่ได้บ้าง

 
เข้ามาภายในร้าน จะเห็นการตกแต่งนั้นใช้วัสดุที่เป็นไม้ ตัดกับฉากพลาสติกสีดำ ทำให้เป็นการตกแต่งแบบผสมแบบธรรมชาติและโมเดิร์น เน้นด้านบนเพดานที่ไม่เล่นแท็คเจอร์สามเหลี่ยม ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ร้านเมืองนอก โซนที่นั่งด้านติดกระจก ก็เป็นเคาน์เตอร์บาร์เดี่ยว สำหรับลูกค้ามาคนเดียว มีปลั๊กคอมไว้เสียบเล่นโน๊ตบุคพร้อม ข้อเสียคือเป็นมุมติดกระจกทางเข้าหน้าร้าน คนย่อมเดินผ่านไปผ่านมา (แต่ถ้าท่านไม่สนใจสายตานั้นก็อีกเรื่อง) เก้าอี้และขนาดโต๊ะแคบ วางโน๊คบุคกับกาแฟยังพอได้ แต่ถ้าวางมากกว่านั้นต้องไปโต๊ะอื่นที่กว้างกว่าดีกว่า (ก็เข้าใจอยู่ว่าถ้าทำให้นั่งสบายเกินไป รากจะงอกเกิน)

วิธีสั่งอาหารก็คือ ไปสั่งที่เคาน์เตอร์ก่อนนั้นแหละค่ะ เมื่อสั่งอาหารและจ่ายตังค์แล้ว พนักงานจะให้สลิปพร้อมเบอร์รับอาหารมาด้วย ซึ่งถ้าอาหารเสร็จแล้ว จะมีเบอร์ปรากฎขึ้นบนหน้าจอมอมิเตอร์แบบนี้ และจะมีสลิปรหัส wifi ด้วย แต่ใช้เล่นได้แค่ 2 ชม./เมนู ก็ต้อง...มาซื้ออาหารเพิ่มเพื่อรับรหัสใหม่นะจ๊ะ (ตรงนี่แหละ ที่ป้องกันพวกซื้อแต่น้ำขวดอันเดียว แช่นั่งมันทั้งคืน...ยังไม่แน่ใจว่าตรงนี้ร้าน To Fast To Sleep มีระบบจัดการแบบนี้หรือยัง) ใครรอสั่งอาหาร ควรนั่งรอมารับไปเลยนะค่ะ เพราะที่นี่ไม่มีพนักงานไปเสิร์ฟถึงโต๊ะ

จุดที่น่ารักอย่างนึงคือ จุดรับอาหาร(เฉพาะอาหารตามสั่ง ถ้าเครื่องดื่มรับที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงินเลย) ซึ่งอยู่ด้านในสุดใกล้เคาน์เตอร์สั่งอาหาร ทำเป็นผนังชั้นวางของ...แต่ให้สังเกตตรงป้ายสีดำด้านขวา จะมีช่องเล็กๆ ซ่อนอยู่ นั้นคือช่องส่งอาหาร ซึ่งด้านหลังเป็นครัวซ่อนอยู่นั่นเองค่ะ เป็นการออกแบบตกแต่งภายในที่ไอเดียเก๋มากๆ (ตอนแรกอิฉันเกือบหาไม่เจอว่าให้ไปรับอาหารที่ไหนหว่า 555) แต่บริเวณช่องนี่ จะไม่มีพนักงานมาดูแลรอลูกค้ามารับอาหารนะค่ะ วางแล้วก็วางเลย เพราะต้องรีบไปทำอาหารให้ลูกค้าท่านอื่นต่อ ดังนั้นใครสั่งอาหารไว้ ควรรอรับแล้วค่อยไปหาโต๊ะเลยจะดีกว่า ต้องรับผิดชอบอาหารของท่านเองด้วย (เช่นเดียวกับสัมภาระที่เอาของมาค่ะ ทางร้านจะไม่รับผิดชอบกรณีของถูกขโมยสูญหายนะค่ะ คุณต้องรับผิดชอบเอง เพราะขนาดความกว้างของร้านใหญ่มาก และไม่ต้องการให้พนักงานเดินไปรบกวนลูกค้าส่วนใหญ่ที่เน้นมานั่งทำงานมากกว่ามากินข้าว)

 
ปกติบริเวณที่เหมาะในการรับประทานอาหารคือบริเวณใกล้เคาน์เตอร์สั่งอาหารนี่แหละค่ะ เป็นส่วน CANTEEN เพราะมีขนาดโต๊ะกว้างกว่า และความสูงอยู่ในระดับพอดีในการรับประทานอาหารได้สะดวก มากกว่าโต๊ะด้านในสุด ที่จะเน้นลูกค้านั่งทำงานกับเครื่องดื่ม...แต่ใครจะนำอาหารไปกินด้วย ก็ไม่ว่ากัน

ห้องประชุมเป็นส่วนที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปใช้ได้ ยกเว้นต้องสั่งอาหารตั้งแต่ราคารวมกัน 200 บาทขึ้นไป (รายละเอียดอื่นๆ สอบถามทางร้านเพิ่มเติมค่ะ) ห้องประชุมที่สุดยอดสุด จะเป็นชั้นล่างที่ติดกระจกชมวิวนี่แหละ ส่วนชั้นลอยจะไม่มีกระจกชมวิวแบบนี้จร้า

 
ในกรณีหาโต๊ะไม่เจอ...มะเป็นไร เพราะมีเก้าอี้แบบนั่งเดี่ยว(ซ้าย) เป็นรูปสามเหลี่ยมมีเบาะดำอยู่รอบข้าง คล้ายแกนพีระมิด แถมมีเตาเสียบปลั๊กพร้อม เรียกว่าจะนั่งทำงานแบบเดี่ยวๆหันหลังชนกันก็ยังได้ เรียกว่าใช้พื้นที่และการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ได้คุ้มจริงๆ

 
มุมนี่เป็นมุมยอดนิยมที่สุด เป็นโต๊ะเตี้ยแบบนั่งเบาะทำงาน นั่งได้เต็มที่ก็ 2 คน โต๊ะเหล็กไม่เคลื่อนเลื่อนไปไหน แถมมีช่องลอด จะยื่นแข้งยื่นขาได้ตามสบาย

 
ชี้แจงก่อนว่า อิฉันไปกินมาสองวันนะค่ะ ไม่ได้ไปรีวิวทีเดียวแล้วสั่งหมด
เมนูเบสิกแรกๆ ทานเล่นๆก็เฟรนฟรายส์ (60 บาท) อันนี้รสชาติก็ไม่ต่างกับเฟรนฟรายทั่วไป ต่างกันแค่ทอดมาร้อนๆ เนื้อแน่นแข็งไม่เหี่ยวคอพับคออ่อนเหมือนเฟรนฟรายร้านแฟรนไชส์ในห้าง(ห้างนี่มีเฟรนฟรายขายที่เดียวคือร้าน KFC งับ) ไม่มีมาทำเป็นสต็อกเยอะๆแบบร้านแฟรนไชส์ แถมใส่ตะกร้ามาอีก ปริมาณเยอะดีเลยนะ

 
ราดหน้าหมู (65) บาท ไข่ดาว (10 บาท) ไข่ดาวน้ำมันเยิ้มไปหน่อย ส่วนราดหน้าน้ำไม่หนืดเหนียว เกือบใส ร้อนได้ที่(ร้อนชนิดฟองอากาศปุดๆเลย) เส้น ผักและเนื้อใช้ได้ รสชาติกลมกล่อม ไม่เค็มไม่จืดจนเกินไป ปริมาณโอเค แต่ก็ยังไม่เลิศขนาดชวนติดใจ

 
ข้าวไข่พระอาทิตย์ (50 บาท) เห็นว่าเป็นเมนูเด่นแนะนำของที่นี่...มันเป็นข้าวสวยผสมไข่ แล้วเจียวออกมาเป็นข้าวไข่นี่แหละค่ะ แต่รสชาติ...จืดสนิทศิษย์ส่ายหน้ามากๆ ขนาดเอาซอสมะเขือเทศใส่ไม่ยั้ง ยังไม่ทำให้รสชาติอร่อยขึ้นมาเลย แถมกินไปมันเหมือนกินข้าวทอดชุบไข่มากกว่า...เมนูนี่ไม่ผ่านสำหรับอิฉันค่ะ ทนกินได้แค่ครึ่งจานเท่านั้น คิดว่าร้านควรเปลี่ยนเป็นข้าวไข่เจียวจะดีกว่าค่ะ เอาข้าวไปผสมไข่แล้วทอด มันบ่เวิร์ดอ่ะ
ไม่อร่อยเลย

ไม่อร่อยเลย

 
และเพราะทนกินเมนูนี่ไม่ไหว มันบ่อิ่ม เลยยอมสั่ง สเต็กหมูคุโรบูตะซอสเห็ด (95 บาท) มากินล้างแค้น...พบว่า ล้างแค้นสำเร็จแระ ซอสเป็นซอสเห็ดแชมปิญอง ที่มีชิ้นเห็ดผสมด้วย ไม่ใช่แค่ปั่นๆเห็ดเป็นซอสอย่างเดียว รสชาติเผ็ดหอมนิดหน่อย ราดลงบนสเต็กหมูที่ทำร้อนๆ หนังเหนียวติดกระดูกไปนิด แต่ก็ย่างสุกได้ที่ รสชาติกลมกล่อมหายเฟลจากข้าวไข่ทอดได้ชะงักเลย...ถ้าเทียบเมนูข้าวทั้งหมด ให้ราดหน้ากับสเต็กนี่แหละค่ะ ลำสุดในร้านนี่แระ

 
เมนูของหวานล้างปากเป็น ช็อกลาวา เสิร์ฟวิปปิ้งครีมกับไอศกรีมวานิลา อันนี้รสชาติอร่อยดี ช็อกลาวาทำร้อนๆ ตัดออกมาซอสช็อกโกแลตเยิ้มตามสูตร (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะถ่ายแล้วไม่สวยตอนตัดชิ้นช็อกลาวา)

 
เครื่องดื่มเป็น ไวท์ช็อกโกแลตโอรีโอ้ เฟรบเป้ (95 บาท) นอกจากปั่นโอรีโอ้ให้ละเอียดกับไวท์ช็อกโกแลตแล้ว ยังมีโอรีโอ้หนึ่งชิ้นโป๊ะหน้าให้อีก ปั่นละเอียดมีน้ำหน่อย ทำให้เนื้อเฟรบเป้ไม่แห้งมาก รสชาติหวานกลางๆ ที่สำคัญแก้วใหญ่สะใจดี

 
ลองเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มผลไม้แบบหวานๆ อย่างลิ้นจี่เยลลี่ปั่น รสชาติหวานเปรี้ยวกำลังพอดี ปริมาณเยอะแต่น้ำน้อยกว่าไวท์ช็อกโกแลต แต่มีดีตรงมีเยลลี่รสเดียวกันอยู่ตรงก้นแก้ว

 
สรุป ให้คะแนนอาหารที่นี่อยู่ในระดับกลางๆ คือกินได้บางเมนูค่ะ ตัวชูโรงคงเป็นที่เครื่องดื่ม เน้นตามประสากลุ่มคนที่เข้ามาติวหนังสือ ประชุม คนวัยเรียนและทำงาน จึงเน้นตัวเครื่องดื่มมากกว่าเน้นตัวอาหาร การบริการระดับดีค่ะ ก็คือเป็นคาเฟ่ของเหล่านกฮูกในร่างคนวัยเรียนวัยทำงาน
Supplementary Information:
ไปสั่งที่เคาน์เตอร์ก่อน เมื่อสั่งอาหารและจ่ายตังค์แล้ว พนักงานจะให้สลิปพร้อมเบอร์รับอาหารมาด้วย ซึ่งถ้าอาหารเสร็จแล้ว จะมีเบอร์ปรากฎขึ้นบนหน้าจอมอมิเตอร์, สั่งอาหารมากกว่า 200 บาทขึ้นไป สามารถใช้ห้องประชุมได้,พนักงานไม่รับดูข้าวของให้ ลูกค้าต้องรับผิดชอบดูแลเอง
 
Table Wait Time: 10 minute(s)


วันที่ไปกิน: Apr 04, 2015 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿100(มื้อดึก)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 5  |  
Service
 4  |  
Clean
 5  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารเม็กซิกัน | ร้านอาหารทั่วไป | แฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิช | ลำลอง

รีวิวร้านนี่เกิดจากเพื่อนชาวบางกอกของอิฉัน ได้ไหว้วานขอให้ไปช่วยรีวิวร้านอาหารแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ให้หน่อย (แต่จ่ายเงินอิฉันเองนะจ๊ะ) ว่ารสชาตินั้นดีเลิศอย่างที่พูดกันในหมู่นักชิมชาวบางกอกหรือไม่ (บางร้านดังในหมู่คนกรุงเทพ แต่รสชาติไม่ถูกใจคนเจ้าถิ่นก็มีนะเออ) ช่วงนั้นอิฉันยังว่างไม่รู้จะรีวิวร้านอะไร อีกทั้งที่ตั้งของร้านก็อยู่ในภายในเขตรอบคูเมืองเชียงใหม่ มีรถไปถึงแน่นอน (บางทั่นขอให้รีวิวร้านไกลๆอำเภอ เดินเท้าอีกหลายกิโลแม้วก็บ่ไหว เพราะอิฉันไม่มีสารถี) เมื่อได้ข้อมูลมาก็ลองเสิร์ชหาดูข้อมูลเริ่มต้นสักหน่อย ว่าเป็นร้านประเภทอะไร มีเมนูอะไรเด่นหรือแนะนำของร้านบ้าง
แล้วก็เริ่มต้นเดินทางไปยังย่านถนนลอยเคราะห์ ไปยังร้านอาหารสไตล์เบอร์เกอร์ นามกรว่า Rock me Burger & Bar กันเลย

 
Rock me Burger & Bar ชื่อก็บอกแล้วว่าน่าจะเป็นร้านอาหารกลางคืน...แต่ร้านนี่เปิดให้โอกาสตั้งแต่ 11.00 น. เป็นต้นไป แม้แต่สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังได้ (แต่อิฉันขอเลี่ยงรีวิวนะค่ะ ดื่มเหล้าตอนกลางวันนี่ เมาหัวกลับบ้านไม่ถูกแน่ ถ้าไปกลางคืนมีเพื่อนไปด้วยนี่อีกเรื่อง อย่างน้อยเกิดอิฉันรุงรังอะไรขึ้นมา จะได้มีคนช่วยหิ้วกลับ)
ร้านนี่อยู่ในย่านถนนลอยเคราะห์ อันเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงของคนต่างชาติในเชียงใหม่มาแต่นมนานเลย ย่านนี่จึงมีฝรั่งนักเที่ยวอยู่เยอะมาก ตัวร้านของนั้นอยู่ใต้โรงแรมระมิงลอร์ดพอดีเลย เพิ่งเปิดร้านเมื่อปีที่แล้วนี่เอง

 
ถึงบอกว่าเป็นร้านแนวฝรั่งชอบเข้า จนนักชิมชาวไทยหลายคนขยาดจะเข้า เพราะไม่ชอบบรรยากาศ(และราคาต่างชาติ)แต่พอเข้าไปภายใน ถึงพอจะดูออกว่าน่าจะเป็นห้องอาหารของโรงแรม ที่ตอนเช้าคงมีแขกของโรงแรมลงมาใช้บริการ พอตอน 11.00 น. จึงเริ่มเป็นบริการอาหารเที่ยงค่ะ

 
การตกแต่งร้านออกแนวธีมดนตรีร็อกแอนด์โรวเก่าๆ ช่วงยุคเอลวิส ตอนนั้นไปกินช่วงก่อนวันคริสตมาสแค่ 5 วัน ทางร้านเลยประดับตกแต่งธีมเทศกาลนี่ไปด้วยเลย

 
มีการเจาะผนังติดกระจกใส ทำให้ภายในห้องอาหารดูกว้างปลอดโปร่งกว่าพวกร้านอาหารฝรั่งแนวบาร์ทั่วไปที่มักทึบๆ

 
แต่ครัวจะอยู่ด้านนอกร้านที่เป็นส่วนเคาน์เตอร์บาร์ตอนกลางคืนนะค่ะ (ในภาพดูแดดร้อนเปรี้ยง แต่เป็นช่วงหน้าหนาวของเชียงใหม่อยู่นะ)

 
พนักงานกำลังย่างเบคอนสำรองไว้หลายชุดเลยค่ะ มีถาดเขียงไม้สำหรับใส่เบเกอร์ไว้เพียบ (บางอันก็เป็นถาดโลหะ)

 
สั่งเมนูมา ได้เครื่องดื่มก่อนเลย
Rock me Green เป็นน้ำส้ม+น้ำแอปเปิ้ล+น้ำมะนาว+น้ำเชื่อมสีเขียว+โซดา (120 บาท) รสชาติเหมือนกินสไปร์ผสมแฟนตาน้ำเขียว แต่หวานนุ่มกว่า ไม่ซ่าบาดคอมากนัก (ชอบตรงได้กินท็อปปิ้งเชอรี่นี่แหละ)

 
วันรีวิววันอื่น ลองสั่ง ROCK'RE O เป็นไอศกรีมวานิลา+นม+คุกกี้โอรีโอ้+น้ำเชื่อมช็อกโกแลต +วิปปิ้งครีม (75 บาท) รสชาติหวานน้อย เสียอย่างเดียวถ้วยเล็กไปหน่อย ไม่ค่อยมีน้ำคลุกคลิก เนื้อเลยดูแห้งๆไม่ลื่น ก็คงเหมาะเป็นเมนูสำหรับคุณหนูที่ตามคุณป๊าคุณม๊าไปกินด้วย (ทำเล่นไป ตอนนั่งสังเกตลูกค้าเข้าร้าน มีอาซิ้มอาจุมม่าเดินเข้ามากินด้วยนะจร้า!)

 
ในที่สุดเมนูกินหนักก็มา เริ่มต้นที่เมนูเด่นของร้านก็ต้องเป็นเบอร์เกอร์ Rock me Heaven (มีแบบ Hell ด้วยนะ) (180 บาท)

 
ส่วนประกอบของเบอร์เกอร์มีดังนี่คือ หมู(หรือจะเลือกเป็นเนื้อ 150 g) ขนมปังดำโฮมเมดรสช็อกโกแลต, Cheddar ชีส, ไข่คน, ผักกาดแก้ว, มะเขือเทศ, เบคอน และ มายองเนส 

 
เสิร์ฟมาพร้อมมีดปัก(ปักแน่นมาก เคยลองขยับดูแระ) บนตัวเบอร์เกอร์กับแตงกวาดองฝรั่ง รสชาติเผื่อนๆ กินคู่กับเฟรนฟรายขนาดยักษ์ แถมมีหอมทอดเข้าไปอีก ส่วนเนื้อจะนุ่มแต่ไม่ค่อยมีน้ำเยิ้ม ส่วนเบคอนจะเล่นทอดชนิดไม่มีน้ำมันเยิ้ม ก็เลยกรอบแห้งไม่ค่อยมีมันให้เคี้ยวหนึบๆ ดีว่ามีไข่คนเหลวนิดๆกับผัดสดฉ่ำน้ำหน่อยๆ ช่วยไม่ให้แห้งคอเกินเล่น เขียงนี่เอาชนิดลืมอ้วนกันไปเลย รสชาติจะกลางๆ ไม่จืดไม่หวาน แต่ปริมาณเยอะขนาดนี่...เล่นอิ่มไปถึงพรุ่งเช้าเลย (นั้นเรียกว่าอาหารไม่ย่อย!) ส่วนแบบ Hell ปริมาณวัตถุมีเท่ากันเกือบหมด แต่จะมีส่วนผสมของซอสเผ็ดค่ะ

ส่วนเมนูปิดท้าย ลองเปลี่ยนมากินฮอทดอกบ้าง กับ Supur Bowl Hot Dog (150 บาท)

 
เสิร์ฟเมนูนี่มาในกล่องลังไม้ รองด้วยกระดาษซับน้ำมัน...หน้าตาดูธรรมดา ละเลงซอสกันซะหน่อย มีเฟรนฟรายน้อยกว่าเบเกอร์ กับแตงดอง(รู้สึกไม่ชอบผักชนิดนี่ยังไงชอบกล) กินเปล่าๆแล้วจืดมันหน่อยค่ะ ไม่มีเผ็ด ต้องละเลงเครื่องซอสกันถึงจะลำ 

สรุป ที่ตั้งของร้านถือว่าดีที่อยู่ใจกลางเมือง แต่ไม่ค่อยสะดวกสำหรับคนมีรถยนต์นัก เพราะร้านติดถนนใหญ่ ยกเว้นต้องไปจอดในวัดแล้วเดินเท้าเอา ส่วนบรรยากาศถือว่าตกแต่งสวยน่านั่งสบาย เสียดายที่ไม่มีบรรยากาศตอนดึก คงจะคึกคักมีเพลงร็อกเก่าๆให้ฟัง การบริการถือว่าดีใช้ได้ พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสเต็มใจให้บริการ ส่วนอาหารปริมาณเยอะ รสชาติกลางๆแบบฝรั่ง ราคาพอรับได้ ไปกินสองครั้งนั่งสังเกตการณ์ มีกลับมีคนเอเชียเข้ามาใช้บริการเยอะกว่าฝรั่งเสียอีก เป็นทั้งคนไทยและพี่จีนอีกแล้วครัชท่าน (อิอิ) แต่ไม่ต้องกลัวเกินเหตุ ยังไม่ใช่ร้านยอดฮิตในหมู่คนจีนจนกลัวจะเจอฤทธิ์เดชพี่แกเข้า

เอาเป็นว่าใครจะไปหาข้าวกลางวันกินแถวนั้น เอาแบบอิ่มคุ้มถึงวันพรุ่งนี้(ฮา)ลองแวะไปที่ร้าน Rock Me Burger & Bar ดูนะจร้า
Supplementary Information:
ร้านอาหารไม่มีที่สำหรับจอดรถยนต์ ต้องขับไปจอดในซอยข้างวัด หรือภายในวัด แล้วเดินเท้ามาที่ร้าน
 
Table Wait Time: 15 minute(s)


วันที่ไปกิน: Feb 28, 2015 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿300(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | ปิ้งย่าง บาร์บีคิว | บุฟเฟ่ต์ | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง

WAGAYA เป็นร้านเนื้อย่างแบบสไตล์แฟรนไชน์ จนตอนแรกคิดว่าสงสัยเป็นร้านแฟรนไชน์จากกรุงเทพมาเปิดสาขาเพิ่มที่เชียงใหม่ แต่พอค้นข้อมูลแล้วพบว่าเป็นร้านแฟรนไชน์คนเหนือแต้ๆ และกำลังจะขยายแฟรนไชน์เองด้วย...WAGAYA ในตอนแรกมาเปิดในย่านนิมมาน มีหลายคนเคยชวนสาวเหนือไปกิ๋น แต่แคล้วคลาดกันตลอด กระนั้นก็ได้ยินชื่อว่า ต้องโทรจองก่อน walk in ไม่ได้ และคุ้มราคาที่จ่าย เพราะมีซีฟู้ดด้วย (สมัยนั้นร้านเนื้อย่างแฟรนไชน์ที่มีซีฟู้ดด้วยยังมีไม่เยอะ) ซึ่งจริงๆสาวเหนือไม่ค่อยชอบกินแนวร้านเนื้อย่างติดแอร์ เพราะราคาแพง ชอบกินแบบ Local ชาวบ้านๆมากกว่า...ยิ่งประเภทรอคิวยาวนี่ยิ่งไม่ชอบใหญ่เลย ใครชวนอิฉันไปกินร้านรอคิวยาว จับเวลานี่มีเคือง...เพราะคนเหนือนั้นต่อนย่อน ทำอันหยังก็ 'เหนือ' กาลเวลาโหม้ด กินหื้อมันสบายๆก๊ะอ้าย ขะใจ๋ไปตังใด
จนตอนนี้ย้ายมาที่สาขาห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ซึ่งใกล้บ้านเพื่อนสาวของอิฉันมาก...วันนึงเหมาะเหม็งนางเลยชวนติดรถนางไปกินด้วยกันเลย อิฉันก็จะได้ถือโอกาสทำรีวิวไปด้วย วันที่เราไปกินคือช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาค่ะ เพราะร้านเพิ่งรีโนเวลไปเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา

 
นี่เป็นครั้งแรกที่สาวเหนือไปร้าน (แต่เพื่อนบอกว่ารีโนเวลตรงไหนหว่า ดูเหมือนเดิม (ซะงั้น)แถมทีวี VTR หน้าร้านถอดหายไปไหนนิ) ดูลักษณะร้านก็เหมือนร้านปิ้งย่างติดแอร์ค่ะ แต่การตกแต่งดูกว้างโล่ง ไม่เหมือนหลายร้านที่มักจะใช้การตกแต่งผนังเป็นสีดำให้ดูโมเดิร์น แต่อยู่นานๆแล้วจะรู้สึกแคบแฮะ ตอนเราไปถึง มีโต๊ะเหลือไม่กี่ตัวตามประสาช่วงวันเสาร์ค่ะ แต่พอเข้าไปนั่ง รู้สึกบรรยกาศไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่ แต่โต๊ะไม่ค่อยสบายนัก เพราะเจอโต๊ะแบบทึบตัน นั่งแยกแข้งขาไม่สะดวกเท่าร้านหมูกะทะ Local อ่ะนะ (นี่เป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยชอบร้านติดแอร์นี่แหละ) ไม่ค่อยเจอคนเดินชนไปมา เสียงไม่ค่อยดังนักพนักงานให้การต้อนรับดี ก็มาดูเมนูปกติกัน สามารถสั่งเป็นบุพเพ่ต์หรือสั่งแยกก็ได้ (แต่จากประสบการณ์ของอิฉัน บุพเพ่ต์คุ้มที่สุด)
เมนูบุพเพ่ต์ปกติ

เมนูบุพเพ่ต์ปกติ

 
ราคาบุพเพ่ต์ที่ 389 บาท รวมเครื่องดื่ม(ยกเว้นเครื่องดื่มขี้เหล้า)และทุกสรรพสิ่งเซอร์วิส ภาษี (แพงสำหรับอิฉันนะ แต่คุณเพื่อนบอกว่าคุ้ม)
เมนูฟรีเมียม(แถบดำ)

เมนูฟรีเมียม(แถบดำ)

 
ด้านหลังตรงแถบด้านล่าง เป็นเมนูฟรีเมียมที่เพิ่มมาค่ะ พวกเนื้อกับซีฟู้ดฟรีเมียมนั้นแหละ จ่ายเพิ่มอีก 95 บาท ทานเหลือปรับคนละ 120 บาท มีเวลาทาน 1 ชม. 45 นาที (จะมีพนักงานมาเตือนก่อน 15 นาที)สาวเหนือกับเพื่อนเลือกแบบธรรมดาค่ะ (ตั้งแต่เป็นบล็อกเกอร์ร้านอาหาร ความสามารถในการเจี๊ยะเริ่มถดถอย มักขอเลี่ยงร้านอะไรที่เป็นบุพเพ่ต์อ่ะนะ) การเสิร์ฟอาหารอิฉันว่ายังช้าอยู่หน่อย คงเพราะร้านมีคนเยอะด้วย และไม่มีแม้แต่โต๊ะไปหยิบเมนูแบบคีบบริการตนเอง เพราะพนักงานจะเสิร์ฟเมนูเอามาให้เองหมด (ทำเอาคนกลัวเรื่องเวลา
อย่างอิฉันคงคิดไปเองว่ามันช้า)

พอเมนูมาถึงก็จัดการเกลี่ยพื้นที่กันหน่อย จะได้ถ่ายรูปงามๆ เวลามีอาหารเต็มโต๊ะ (ฮา)

 
วางกระจายกันหน่อย จะได้ดูว่าเต็มโต๊ะ คุณเพื่อนอย่าอยู่เฉยๆซิครัช ทำเป็นคีบประกอบรีวิวด้วย ภาพจะได้มีชีวิตชีวา(ฮา)วัตถุดิบดูให้มาน้อย (ถ้าในความรู้สึกคนกินเยอะ) แต่คิดว่าดีกว่ากินเหลืออ่ะนะมีน้องพนักงานเสิร์ฟกุ้งแม่น้ำมาผิดโต๊ะด้วยวุ๊ย (บางเมนูก็มีลืมกันบ้าง ต้องคอยท้วงกัน) แต่ขอถือโอกาสถ่ายรูปติดไปด้วยเลย เหอๆแอบชอบเห็ดออริจิราดโชยุแฮะ

 
สามชั้น ราดงาขาวและต้นหอมซอย ปิ้งทีน้ำ(หมู)มันกระเด็นเลยวุ๊ย

 
เกี๊ยวซ่าให้มาสองชิ้น ถึงดูหน้าตาไม่งาม แต่รสชาติก็ใช้ได้ แต่ไม่ค่อยร้อนนัก ต้องเอาไปลงเตาปิ้งด้วย (ตอนแรกนึกว่าปิ๊งมาให้ด้วย)

 
ส่วนแซลมอนนั้น คุณเพื่อนแนะนำว่าแทนที่จะสั่งมาเป็นพวกเพิ่มราคาฟรีเมียม ให้สั่งเป็นยำแซลมอนในบุพเพ่ต์ปกติดีกว่า ถูกใจคอแซ่บกว่าเยอะ ซึ่งเรื่องรสชาติตรงนี่อิฉันก็เห็นด้วยกับนาง แซ่บสดเผ็ดอย่างที่นางอวยจริงๆ (ฮา)

 
ยำสาหร่ายกับยำเบคอนก็รสชาติใช้ได้ น้ำยำรับประกันแซ่บเผ็ดจนน้ำตาเล็ด

 
สปาเกตตี้พริกถือว่าเผ็ดใช้ได้ค่ะ 

 
ส่วนข้าวผัดกระเทียมแฉะไปนิด ซุปมิโสะก็รสชาติกลมกล่อม

 
พวกไก่-หมูผัดพริกเกาหลีรสชาติเผ็ดมาก ถูกใจคนชอบกินเผ็ดร้อนเลย แต่ต้องหาเมนูอื่นมาดับคลายเผ็ดอย่างสลัดหรือซุปไว้ข้างๆ ตอนอิฉันเจี๊ยะไป เกือบสำลักความเผ็ดจนน้ำตาเล็ดเลย

 
หลังจากเช็คบิลแล้ว จะมีของหวานเป็นน้ำแข็งไสใส่ถั่วแดงบด หรือผลไม้ก็ได้ อันนี้ไม่คิดเพิ่มจากเวลาค่ะ รสชาติก็โอเคใช้ได้สรุปโดยรวมเรื่องรสชาติ ก็อร่อยใช้ได้อย่างที่เพื่อนสาวอิฉันแนะนำมาจริงแต้ โดยเฉพาะเรื่องเนื้อที่คลุกรสเผ็ดของพริกเกาหลี ส่วนพวกยำเนื้อต่างๆก็ชอบน้ำยำด้วย สรุปการบริการดูมีการพยายามบริการให้ทั่วถึง มีการทั้งเติมน้ำและเก็บถาดเปล่า แต่ดูพนักงานเสิร์ฟจะน้อยไปหน่อย เลยมีเบลอๆส่งผิดโต๊ะกันบ้าง และเวลาเสิร์ฟทำให้ดูช้า จนต้องท้วงเมนูกันบ้าง (นี่แหละสาวเหนือถึงชอบพวกเดินไปหยิบถาดเมนูที่มีให้พร้อมเองจะเร็วซะกว่า) ส่วนเรื่องจับเวลาการกิน อิฉันรู้สึกไม่ได้เร็วไปแต่อย่างใด แถมก่อนหมดเวลาก็อิ่มแปร้ไปแว้ว เรื่องความสะอาดก็โอเค ที่ตั้งสถานที่ก็เหมาะกับคนมาเที่ยวห้างที่เอาแบบวันเซอร์วิส นั่งแอร์ที่ดีๆ ไม่ต้องร้อนฮาร์ดคอร์แบบร้านหมูกะทะ Local ส่วนเรื่องราคา คุณเพื่อนอิฉันบอกว่าคุ้ม...แต่อิฉันว่านานๆกินทีล่ะกัน เพราะอารมณ์อิฉันชอบเจี๊ยะพวกราคาไม่เกิน 200 บาท เดินไปหยิบเองมากกว่าอ่ะนะ...ก็แล้วแต่ความชอบค่ะ
Supplementary Information:
มีเวลาทาน 1 ชม. 45 นาที (จะมีพนักงานมาเตือนก่อน 15 นาที)

เมนูฟรีเมียมจ่ายเพิ่มอีก 95 บาท/คน

ทานเหลือปรับคนละ 120 บาท
 
Table Wait Time: 5 minute(s)


วันที่ไปกิน: Jan 31, 2015 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿389(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 3  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0