อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2017-08-31
250 วิว
Ippudo เป็นร้านราเมงที่มีต้นกำเนิดมาจาก Hakata (เมือง Fukuoka) บนเกาะ Kyushu โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1985 และก็ได้กลายเป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่นเรื่อยมา สมกับชื่อของร้านซึ่งมีความหมายว่า single+wind+hall (เทียบกับสำนวนไทยก็ต้องบอกว่าเป็นคลื่นลูกใหม่) ที่ช่วยปัดเป่าภาวะถดถอยของธุรกิจราเมงใน Fukuoka ณ.ช่วงเวลานั้น อีกทั้งยังขยับขยายสาขาราวกับจะพัดพาเอารสชาติความอร่อยของ Hakata Ramen ให้ขจรไกลไปยังประเทศต่างๆอีกด้วย ปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีร้าน Ippudo อยู่กว่า 150 สาขาในเมืองใหญ่ของกว่า 13 ประเทศ อาทิเช่น New York, Hong Kong, Sydney, London, Paris, Singapore…ฯล
****-Profile-****
ผู้ก่อตั้ง Ippudo ขึ้นก็คือเชฟ Shigemi Kawahara – เจ้าของตำแหน่ง Ramen King ประจำปี ค.ศ. 2005 และผู้ชนะเลิศการแข่งขันในรายการ TV Champion Ramen Chef ถึง 3 สมัยซ้อนในช่วงปี ค.ศ. 1995-1998 จนได้รับการบันทึกชื่อไว้ใน The Ramen Hall of Fame เลยทีเดียว
...ด้วยวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ตั้งไว้ว่า “คิดค้น พัฒนาอย่างต่อเนื่องแต่คงความเป็น Ippudo” (To continuously innovate to remain true) – ราเมงของ Ippudo จึงมุ่งเน้นที่การใช้วัตถุดิบสดใหม่คุณภาพดี ปรุงด้วยขั้นตอนพิถีพิถันตามแบบฉบับราเมงญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะคิดค้นพัฒนาสูตรอาหารเพื่อนำเสนอรสชาติใหม่ๆตลอดเวลา ...และหลายๆเมนูที่เราได้ลองไปในครั้งนี้ก็สะท้อนแนวคิดดังกล่าวออกมาได้อย่างชัดเจนค่ะ
****-เมนูที่ได้ลอง-****
[The Ramen]
ราเมงสไตล์ของ Ippudo นั้นเป็น Hakata Ramen มีความโดดเด่นที่น้ำซุปกระดูกหมู (Tonkotsu) ซึ่งทางร้านได้นำกระดูกจากส่วนต่างๆของหมูมาเคี่ยวเป็นเวลากว่า 15 ชั่วโมง จนได้ออกมาเป็นน้ำซุปสีขาวครีมนวล มีรสชาติกลมกล่อม และปรับระดับความเข้มข้นให้เข้ากับรสนิยมของผู้บริโภคในประเทศต่างๆทั่วโลก ส่วนเส้นราเมงที่ใช้นั้นมีทั้งแบบเส้นตรงเรียวบางและเส้นหยักเพื่อให้เข้ากับรสชาติของแต่ละเมนู โดยเป็นเส้นที่ทางร้านนวดเองด้วยมือแบบวันต่อวัน การันตีทั้งความเหนียวนุ่มและสดใหม่จากฝีมือของทีมเชฟที่ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดลับมาจากเชฟ Shigemi Kawahara เองเลยทีเดียว นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกระดับความนุ่มของการลวกเส้นได้ถึง 4 ระดับคือ Soft / Normal / Hard / Very Hard ซึ่งส่วนตัวเราชอบแบบ Hard เพราะรู้สึกว่ามีความสู้ฟันแบบ Al Dente กำลังดี เคี้ยวสนุก ไม่นุ่มหรือแข็งจนเกินไปน่ะค่ะ
● Shiromaru Motoaji (ราคา S 150 บาท / R 200 บาท) – Tonkotsu Ramen ชามขาวกับน้ำซุปสูตร Original ของทางร้าน ซึ่งเป็นสไตล์ของ Hakata Ramen แบบดั้งเดิม น้ำซุปหอมกลมกล่อมเข้มข้นกำลังดี เส้นราเมงแบบเส้นตรงเรียวบางเป็นพิเศษ ใส่หมูชาชูที่ทำจากเนื้อหมูส่วนไหล่ซึ่งติดมันน้อย เสริมรสด้วยถั่วงอก เห็ดหูหนูคิคุราเกะ และต้นหอม บดกระเทียมสดใส่เข้าไปอีกหน่อยนี่คืออร่อยเป๊ะเว่อร์ ...เมนูนี้เราติดใจมาตั้งแต่ครั้งที่ได้ไปลองที่ญี่ปุ่น กลับมาลองที่สาขาในกรุงเทพฯก็ยังรักอยู่ เรียกว่าเป็นเมนูโปรดเลยล่ะค่ะ
฿150
74 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
● Akamaru Shinaji (ราคา S 160 บาท / R 220 บาท) – ราเมงชามแดงที่ใช้น้ำซุป Tonkotsu เช่นเดียวกับเมนูที่แล้ว แต่เพิ่มรสชาติด้วย Miso Paste สูตรพิเศษของทางร้าน เสริมด้วยกลิ่นหอมๆของน้ำมันกระเทียมโคยุ และเลือกใช้เนื้อหมูส่วนท้องซึ่งติดมันเยอะกว่าเพื่อให้สมดุลกลมกลืนกับรสชาติที่เข้มข้นขึ้น ส่วนเส้นและเครื่องอื่นๆจะเหมือน Shiromaru Motoaji ค่ะ ส่วนตัวแล้วตอนที่ลองเมนูนี้ที่ญี่ปุ่นเรารู้สึกว่าน้ำซุปมีความเข้มข้นมากจนเลี่ยน ทำให้ไม่ปลื้มเท่าไหร่ แต่พอมาลองเมนูนี้ที่เมืองไทยกลับได้ระดับความเข้มข้นกลมกล่อมที่ทานกำลังสบาย อร่อยสูสีกับราเมงชามขาวแบบเลือกลำบากเลยทีเดียวนะ
฿160
77 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿160
85 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
● Karaka-men (ราคา 230 บาท) –เป็นราเมงสูตรเผ็ดร้อนที่ได้จากการนำน้ำซุปกระดูกหมูสูตรต้นตำรับมาเติม Spicy Miso เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และหมูสับ เส้นราเมงสำหรับชามนี้จะเป็นเส้นหยัก เพื่อให้เกี่ยวหมูสับติดเส้นขึ้นมาได้ง่ายๆ ส่วนหมูชาชูจะใช้เนื้อหมูส่วนท้องเช่นเดียวกับชามที่แล้วค่ะ
฿230
57 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
[Seasonal Menu]
● Clam Chowder Ramen (ราคา 260 บาท) – เมนูนี้เป็นการนำเอาซุปหอยลาย หรือ Clam Chowder สไตล์อเมริกันมาผนวกรวมเข้ากับราเมง โดยเส้นที่ใช้จะเป็นเส้นแบบหนา-เหนียว-นุ่ม ปรุงรสด้วยพริกไทยดำ ส่วนซุปเป็นซุป tonkotsu เข้มข้นที่ปรุงด้วยซอส Bechamel และ Truffle Oil ใส่หอยลาย (Asari Clam) , มันฝรั่งทอด, ไข่ยางตูม แล้วท็อปด้วย Parmesan Cheese ขูดมาพูนๆ ทานกับเบคอนแผ่นบางเฉียบกรอบกริ๊บที่พาดมากับขอบชาม ตอนจะทานทางร้านแนะนำให้คนผสมน้ำซุปกับชีสเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นหอมชีสยิ่งขึ้นนะคะ
฿260
70 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿260
50 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ทราบมาว่า Clam Chowder Ramen นี้แรกเริ่มเดิมทีเป็นราเมงที่ทำขึ้นเพื่อเสิร์ฟที่ Ippudo สาขา New York จากนั้นก็นำมาขายในงาน Tokyo Ramen Show ผลปรากฏว่าได้รับความนิยมกันล้นหลามจนที่ญี่ปุ่นต้องทำเป็นบะหมี่สำเร็จรูปออกมาวางขายใน 7-11 กันเลยทีเดียว สำหรับที่กรุงเทพฯเรานี้จะมีเมนูนี้ให้สั่งกันถึงวันที่ 30 กันยายน 2560 นี้เท่านั้น ถ้าใครอยากลองก็ต้องรีบหน่อยล่ะค่ะ
ในแง่รสชาติเท่าที่ได้ลองดูนั้น น้ำซุปมีความครีมมี่หอมชีสมากทีเดียว เส้นก็หนาสู้ฟันสอดคล้องกันดีกับความข้นของน้ำซุป ถ้าใครชอบทานพาสต้าสไตล์ซอสครีมหรือพวก carbonara อยู่แล้วน่าจะถูกใจมากมาย ส่วนตัวเรารู้สึกว่าทานคำแรกๆอร่อยมาก แต่ให้ทานหมดทั้งชามคนเดียวคงไม่ไหวเพราะรสชาติออกจะหนักท้อง ทานไปทานมาชักเลี่ยน เหมาะกับจะสั่งเวลาพาเพื่อนมาช่วยแบ่งด้วย แต่ถ้าคนรักชีสก็คงซัดหมดได้สบายๆปลื้มปริ่มกันไปล่ะนะ
[Other Dishes]
● Ippudo Hakata Style Gyoza (ราคา 90 บาท) – เกี๊ยวซ่าชิ้นขนาดพอดีคำ แป้งบาง ไส้หมูรสดียัดมาแน่นใช้ได้ เสิร์ฟบน Hot Plate ร้อนจี๋ ทานเพลินแบบคีบกันรัวๆไม่กลัวปากพองเลยล่ะ
฿90
59 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
● Aburi Salmon Roll (ราคา 3 ชิ้น 150 บาท / 6 ชิ้น 240 บาท) – เป็น Salmon Roll ชิ้นพอดีคำที่ sear ผิวมาเบาๆพอหอมๆ ปรุงรสด้วยซอสมาโย ไข่ mentaiko และท็อปด้วยไข่กุ้งโทมิโกะ อร่อยดีทีเดียวค่ะ
฿240
56 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
● บาทานิคุ บัน (ราคา 80 บาท) – เป็นอีกหนึ่งเมนูที่นิยมที่ New York มากๆ – Pork Bun แป้งคล้ายหมั่นโถวนุ่มๆ ยัดไส้เนื้อหมูส่วนท้องที่ตุ๋นมานุ่มๆชุ่มน้ำซอส เห็นแล้วก็แอบนึกถึงเมนูขาหมูหมั่นโถวของจีน แต่มีเพิ่มเติมคือยัดไส้ผักกาดแก้วทามายองเนสมาใน Bun ด้วย ส่วนตัวถือว่าทานได้เพลินๆแต่ไม่ถึงกับว้าวนะ
฿80
63 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
฿80
60 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
● Goma Q (ราคา 70 บาท) –แตงกวาญี่ปุ่นเนื้อเนียน – สด – กรอบ ราดซอสงาที่หอมกลิ่นน้ำมันงาจริงจัง ปรุงรสอ่อนๆพอให้สดชื่น เสิร์ฟมาเย็นๆ เป็นของว่างเบาๆที่ทานสลับกับอาหารจานอื่นๆได้ดีทีเดียว
฿70
55 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
● Ippudo Chicken Nanban (ราคา 120 บาท) – Chicken Nanban นี้เป็นอาหารที่พบได้ทั่วไปในเมือง Miyazaki ค่ะ เป็นไก่ชิ้นขนาดย่อมๆ ชุบด้วย sugared vinegar ทอดมาจนหนังกรอบ เนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมมากับ Tartar Sauce ที่มีส่วนผสมของไข่ต้ม (ทั้งไข่แดงและไข่ขาว)บดละเอียด หัวหอม พริกไทยดำ มี lemon วางเคียงมาเพิ่มความสดชื่น ชิมดูรู้สึกว่าที่จริงแค่ทานไก่เปล่าๆก็อร่อยลงตัวแล้ว แต่พอมีซอส Tartar ให้จิ้ม มี lemon ให้ตัดเลี่ยน ก็ทำให้รสชาติหลากหลาย ทานได้ไม่เบื่อดี ชอบมากเลยล่ะ เห็นว่าเมนูนี้ได้รับความนิยมกันมากที่ฮ่องกงด้วยนะ
฿120
39 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
[Dessert]
● Cheese Cake Kakigori (ราคา 170 บาท) – เมนูนี้เป็นอะไรที่ทำเอาเราทึ่งมากมาย คือไม่นึกไม่ฝันเลยว่าร้านราเมงจะทำขนมหวานออกมาได้เลิศขนาดนี้ งานนี้บอกเลยว่าร้านขนมหลายๆร้านต้องมีอายค่ะ …Kakigori ถ้วยนี้ประกอบด้วยเกล็ดน้ำแข็งที่เนียนละเอียดขั้นสุด มีความหอมและเนื้อสัมผัสแน่นๆแบบครีมชีสแทรกอยู่ในน้ำแข็ง ทำให้รู้สึกนุ่มนวล ทานคู่กับชีสเค้กก้อนนุ่มๆที่ฝังอยู่ด้านในได้อย่างลงตัว เมนูนี้เสิร์ฟ Strawberry Sauce ที่ทำจากสตรอว์เบอร์รี่สดเคียงมาให้ราดด้วย รสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่นเห็นชิ้นสตรอว์เบอร์รี่แทรกอยู่ในซอสกันชัดๆเลย ฟินระเบิดระเบ้อ!!
฿170
39 วิว
0 ไลค์
0 คอมเมนต์
ในฐานะเชฟราเมงระดับแชมเปี้ยน คุณ Shigemi Kawahara เคยกล่าวไว้ว่าราเมงแต่ละเมนูที่เขาสรรค์สร้างขึ้นนั้นเปรียบเสมือน “A cosmos served in a bowl” ...คือทุกองค์ประกอบในชามต้องได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันให้เข้ากันได้ มีความกลมกลืนกันทั้งน้ำซุป, เส้นที่เลือกใช้, toppings ต่างๆ และเครื่องปรุง ดุจดั่งเป็นจักรวาลเล็กๆอยู่ในชามราเมง ...มาวันนี้เมื่อธุรกิจเติบใหญ่ ทางร้านมีเมนูอาหารแตกไลน์ออกไปอีกมากมาย แต่ทุกจานก็ดูจะยังยึดมั่นตามหลักปรัชญาของเชฟผู้ก่อตั้งแบรนด์อยู่เช่นเดิม ถ้าอยากพิสูจน์ก็แวะไปลองกันได้ค่ะ
โพสต์