วิดีโอ
อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2014-03-13
204 วิว
เป็นแฟนประจำของ Coffee World มาตั้งแต่สมัยตอนเรียนปริญญาตรีแล้ว จำได้ว่าเมื่อก่อนมีร้านอยู่ตรงกลางสยามสแควร์เป็นร้านเล็กๆ เครื่องดื่มที่โปรดปรานเป็นที่สุดคือ Butterscotch Frappe มีลักษณะเป็นเครื่องดื่มปั่นสีขาวๆ ได้รสและได้กลิ่นของ Butterscotch เต็มที่ ราดคาราเมลหวานๆ หอมๆ มาอย่างเยอะ เรียกว่าเป็นแฟนถึงขนาดถ่อจากธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ไปสยามตอนเย็นๆทุกวันเพื่อไปกินเจ้า Butterscotch Frappe ก่อนกลับบ้านที่สี่แยกพระนั่งเกล้า นนทบุรี จำได้ว่ามีอู่ช่วงหนึ่งวัตถุดิบในการทำ Butterscotch Frappe ยังอิมพอร์ตมาไม่ถึงเมืองไทย Butterscotch Frappe หยุดขายไปช่วงหนึ่ง ก็ยังถ่อไปร้าน Coffee World ทุกวันๆ ไปถามพนักง
Coffee World สาขาข้าวสารมิวเซียม
การเดินทางมาร้าน Coffee World สาขาข้าวสารมิวเซียม มาได้ง่ายมากๆครับ ถ้ามาจากถนนสามเสนตรงบางลำพู วัดชนะสงคราม ให้เดินเข้ามาในถนนตานีจนสุดถนน จะเห็นร้าน Swesens ให้เดินเข้าไปในถนนข้างๆร้าน Swensens (ถนนรามบุตรี) พอเลี้ยวโค้งก็จะเห็น Molly Bar อู่ทางซ้ายมือ สังเกตร้านที่มีตัวหนังสือว่า Molly Bar สีขาวตัวใหญ่ๆ วางอยู่บนทางเท้าหน้าร้าน จะเห็นทางเดินไปร้าน Coffee World อยู่ทางซ้ายมือเลยครับ
ขอเล่าประวัติคร่าวๆของ Coffee World ให้ทราบกันซักนิดนะครับ หลายคนอาจจะคิดว่า Coffee World เป็นกาแฟแบรนด์อิมพอร์ต แต่จริงๆแล้ว Coffee World เป็นร้านกาแฟ local brand นะครับ อยู่ในเครือบริษัท GFA คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทำธุรกิจหลายอย่างมากๆ ธุรกิจในกลุ่มอาหารในประเทศไทยก็มี Coffee World, Cream & Fudge New York 5th Avenue Deli และยังมีธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารในต่างประเทศเช่น Pizza Conner ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศอินเดียครับ เฉพาะร้าน Coffee World ก็มีกว่า 90 สาขาในปีระเทศไทย และยังมีสาขาในต่างประเทศอีกกว่า 30 สาขาใน 7 ประเทศ เช่น จีน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, บังคลาเทศ, และประเทศในตะวันออกกกลาง
ตอนนี้ทาง Coffee World ได้จัดแคมเปญ “Love In a Cup” ขึ้น เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของความรัก ความใส่ใจของ Coffee World ในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มให้แก่ลูกค้า เป็นการรวมตัวของความรักในการปรุงเครื่องดื่มแต่ละแก้วว่าจะต้องมีที่มาจาก 1) การคัดเลือกกาแฟพันธุ์ดี โดย Coffee World จะคัดเลือกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า 100% จาก 3 แหล่งปลูกกาแฟชั้นนำของโลกคือ กัวเตมาลา บราซิล และเชียงใหม่ มาผสมผสานเป็น Tri –origin Blenซึ่งถือว่าเป็นสูตรพิเศษของ Coffee World 2) บาริสต้าจะต้องชงกาแฟด้วยความรัก เอาใจใส่ทุกขั้นตอนของการชง 3) บาริสต้าเสิร์ฟกาแฟทุกถ้วยจากใจ และ 4) จากทุกๆขั้นนตอนที่กล่าวมาลูกค้าจะรู้สึกถึงความรัก ความเอาใจใส่จากเครื่องดื่มทุกแก้วของ Coffee World ครับ
Coffee World สาขาข้าวสารมิวเซียม ตั้งอยู่ในบริเวณของบ้านไกรจิตติ บ้านตึกเก่าสมัยรัชการที่ 5 อายุ 100 กว่าปี ปัจจุบันตัวบ้านถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์ (ปิดชั่วคราว) ถึงร้าน Coffee World จะไม่ได้อยู่ในตัวบ้าน แต่ว่าการก่อสร้างตัวร้านก็ยังได้รับอิทธิพลของสถาปัตยกรรมทำให้มีกลิ่นอายของความเก่า เลยทำให้รู้สึกเป็นร้าน Coffee World ที่หน้าตาดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
ภายร้านตกแต่งแบบเรียบๆ ง่ายๆ แต่ยังคุมโทนเหลืองๆ นิดๆ ตามสีของอาคารภายนอก เลยแอบติดบรรยากาศเก่าๆมาด้วยนิดๆ ถึงแม้ว่าด้านในจะตกแต่งแนว contemporary ด้านในมีที่นั่งประมาณ 10 โต๊ะ ก็เป็นขนาดที่พอดีๆ ไม่ใหญ่มาก ไม่เล็กจนเกินไปครับ เครื่องดื่มแก้วแรกที่บาริสต้ายกมาให้ชิมก็คือ คาราเมลมัคคิอาโต้ร้อน ราคา 105 บาท
เป็นกาแฟร้อนครับ ชงแบบลาเต้ร้อน แต่ว่ามีการโรยคาราเมลซอสอุ่นๆ ลงไปบนแก้วก่อนเสิร์ฟ จะได้รสชาติของกาแฟหอมๆ เข้มๆ ตัดกับรสหวานๆจัดของคาราเมลซอส ทำให้ได้รสที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวเลยครับ เมนูนี้ซดไป คุยกับคนจาก Coffee World ไป แอบให้น้องเค้าคุยเยอะๆ เพราะจะได้ซดกาแฟเยอะๆ อิอิ
แก้วที่สองขอเป็นแบบไร้คาเฟอีนนิดนึงครับ Mango Passion Smoothie ราคา 130 บาทแก้วนี้ก็ถือว่าเป็นของโปรดด้วยเหมือนกันนะครับ ชอบความหอมๆ หวานนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ ของมะม่วงมากๆครับ อากาศร้อนๆอย่างนี้ได้แก้วนี้แล้วรู้สึกสดชื่นจริงๆครับ
มาชิมของคาวกันบ้างนะครับ Royal Ham & Cheese Sandwiches ราคา 150 บาทตอนเค้ายกมาเสิร์ฟแอบตกใจนิดๆ เพราะหน้าตาแปลกไปกว่าแซนวิชธรรมดามาก นอกจากจะเป็นแซนวิชที่เอาขนมปังไปปิ้งให้กรอบนอกนุ่มใน ใส่ไส้แฮมกับซีสมาอย่างเต็มที่แล้ว ยังมีถ้วยซอสผงกระหรี่รสเข้มข้นมาให้ทานกับแซนวิชด้วยครับ ตอนแรกคิดว่าน่าจะไม่ค่อนเข้ากัน แต่พอลองราดซอสแล้วเอาเข้าปากคำแรกรู้สึกชอบเลยครับ แซนวิชกรอบๆ นุ่มๆ ราดซอสผงกระหรี่ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้ดีเลยครับ จานนี้กินไปคุยไปแป๊บเดียวเองก็หมดจานครับ
จานที่สอง Tuna Waffle ราคา 120 บาทจานนี้ขอแนะนำสำหรับคนที่ชอบทูน่าครับ Waffle ร้อนๆ หนาๆ กรอบนอก นุ่มใน ใส่ไส้ทูน่ามาแบบเต็มๆครับ จานนี้ทั้งหอมกลิ่น waffle และได้รสทูน่าอย่างเต็มที่เลยครับ
สลับมาทานเครื่องดื่มแก้กระหายกันบ้างครับ Iced Cappucino – คาปูชิโน่เย็น ราคา 110 บาทชอบแก้วนี้ตรงผงโก้โก้ที่โรยมาบนฟองนมครับ แอบใช้ปากจิบโดยไม่ใช้หลอด ฟองนมติดปากมาเรยคราบ อิอิอิ
จานของคาวจานสุดท้าย Ham & Cheese Wrap ราคา 115 บาทจานนี้เป็นแซนวิชแร๊พสำหรับผู้ที่ต้องการอาหารเช้า หรืออาหารกลางวันแบบด่วน แต่ไม่ต้องการกินขนมปังครับ เอามาห่อไส้แฮมกับชีสอย่างเต็มที่ แล้วเสริมวิตามินด้วยผักต่างๆ เช่นผักกาดคอส มะเขือเทศ และหอมใหญ่ เป็นเมนูที่อิ่มแบบครบเครื่องและได้ประโยชน์ด้วยครับ
เมนูของหวานที่นำมาให้ชิมคือ Brownie Waffle – บราวนี่วาฟเฟิล ราคา 85 บาทเป็นวาฟเฟิลผสมกับชอคโกแลตชิปครึ่งอันใหญ่ๆ ร้อนๆ หนาๆ กรรอบๆ นุ่มใน เสิร์ฟพร้อมกับวิปปิ้งครีมและไอครีม ที่สำคัญมี Hot chocolate sauce เสิร์ฟมาให้ด้วย เอามาราดแบบฉ่ำๆ เยิ้มๆ ให้สะใจกันไปเลยครับ
วาฟเฟิลชอคโกแลตชิปร้อนๆ กินกับไอศกรีมก็ว่าอร่อยดีแล้ว นี่ยังมีวิปปิ้งครีมรสละมุนและ Hot chocolate sauce รสเข้มๆ มันเข้ากันได้อย่างดีทีเดียวครับเสิร์ฟมาด้วยยิ่งทำให้เมนูนี้อร่อยขึ้นอีกหลายเท่าครับ
เครื่องดื่มที่ทำมาให้ดื่มเป็นการล้างปากหลังจากเสร็จมื้ออาหารที่มากมายก็คือ Mocca Chip Frappe ราคา 130 บาทเป็นเมนูที่มีคาเฟอีนนิดหน่อยครับ เนื่องจากว่าผสมโก้โก้ ทำให้เมนูนี้มีรสเข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟ แล้วยิ่งเอาไปปั่นด้วยแล้วก็จะทำให้หอมกลิ่มกาแฟผสมกับกลิ่นโกโก้เข้าไปใหญ่ครับ มีวิปปิ้งครีมรสละมุนกับชอคโกแลตชิบโรยหน้าเพื่อเพิ่ม texture ในการเคี้ยว อร่อยได้หมดจนหยดสุดท้ายจริงๆครับ
โพสต์
