อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2017-03-20
60 วิว
สำหรับพิกัดร้านนี้ก็อยู่ในซอยสุขุมวิท 26 นะคะ เราวิ่งไปจนถึงแยกอารี ก็เลี้ยวขวาเข้าไป วิ่งจนสุดทางตรงเจอรร.โฟร์วิงส์ เลี้ยวซ้ายแล้วก็บังคับเลี้ยวขวาไปสักร้อยเมตรก็จะเจอร้านอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ใช้ google map ไปได้นะคะสำหรับหน้าร้านก็จะจอดรถได้ราวๆ สักไม่เกินสิบคันค่ะ ที่เหลือวิ่งเลยร้านไปจะมีอาคารริชมอนด์ที่เป็นกระจกๆ อยู่ ไปจอดได้แล้วนำใบจอดรถมาสแตมป์ที่ร้านนะคะเข้าไปในร้านกันค่าาเข้าไปก็เจอกับบรรดารางวัลและ celeb ที่เคยมาที่ร้านด้วยนะคะสำหรับที่ร้านนี้ ณ ปัจจุบัน จะอยู่ภายใต้การรังสรรค์ของ chef anil และ general manager คุณ yash pal ค่ะ ถ้าใครต้องการได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้ก็เชิญที่...เว็บไซต์ร้านhttp://www.indusban
สำหรับหน้าร้านก็จะจอดรถได้ราวๆ สักไม่เกินสิบคันค่ะ ที่เหลือวิ่งเลยร้านไปจะมีอาคารริชมอนด์ที่เป็นกระจกๆ อยู่ ไปจอดได้แล้วนำใบจอดรถมาสแตมป์ที่ร้านนะคะ เข้าไปในร้านกันค่าา
เข้าไปก็เจอกับบรรดารางวัลและ celeb ที่เคยมาที่ร้านด้วยนะคะ สำหรับที่ร้านนี้ ณ ปัจจุบัน จะอยู่ภายใต้การรังสรรค์ของ chef anil และ general manager คุณ yash pal ค่ะ ถ้าใครต้องการได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้ก็เชิญที่...
เว็บไซต์ร้าน
http://www.indusbangkok.com/
เฟซบุ๊คร้าน
https://www.facebook.com/indusbkk/
reservations:
+662-258-4900, +6686-339-8582
ถ้าเลี้ยวไปทางขวาจะเป็นห้องส่วนตัวที่จุได้ราวๆ 30 คนนะคะ แต่เราเลี้ยวไปทางซ้ายค่ะ จะเจอทางเดินสวยๆ ตามภาพเลย ตรงโต๊ะระหว่างทางเดินจะมีตัวที่เอาไว้ดับกลิ่นตั้งไว้ให้ตามปกติของร้านอาหารอินเดียหละนะคะ แต่ที่นี่จะดูดีกว่า แฮร่... ร้านอาหารแห่งนี้จะมีทั้งในห้องแอร์และเอาท์ดอร์นะคะ ทางร้านแจ้งว่า ถ้าเอาทั้งร้านจริงๆ เคยจัดได้ก็อยู่ที่หลายร้อยท่านเลยค่ะ แต่วันนั้นเรานั่งกันตรงโซนนี้นะคะ
มาดูเมนูของทางร้านกันค่ะ ให้ดูแค่บางส่วนแล้วกันเนาะคะ เดี๋ยวรูปจะเยอะไป แฮร่...
ที่นี่จะมี Tasting Menu ซึ่งสำหรับอาหารปกติ (ไม่ใช่มังสวิรัติ) จะราคาที่ 1600++ ถ้าเป็นมังสวิรัติจะเป็น 1400++ แต่ถ้าต้องการไวน์แพร์ริ่งด้วยก็เพิ่มอีก 1000++ นะคะ นอกจากนั้นก็ยังมีบรั้นช์ในวันเสาร์อาทิตย์สำหรับสาย Vegan ด้วยนะคะ ราคา 750++ เวลา 11.30-15.00 น. (แต่ถ้าใครไม่กินบุฟเฟต์แบบ All you can Eat ตามเมนูในรูปก็สั่งเป็นอลาคาร์ทได้นะคะ)
จากนั้นพนักงานก็นำเครื่องเคียงสี่ชนิด กับ papadum มาบริการนะคะ ตัวพาพาดัมจะค่อนข้างกรอบ มีกลิ่นหอมบางอย่างแฝงมา ไม่เค็มจัดเหมือนบางที่และมีรสเผ็ดตามด้วยค่ะ ส่วนเครื่องเคียงทั้งสี่ตัว คือ หอมแดง จะช่วยเพิ่มความเผ็ดมาเบาๆ แล้วก็แมงโก้ชัดนี่จะมีกลิ่นเครื่องเทศด้วยนะคะ ส่วนน้ำมะขามจะออกรสเปรี้ยวกว่าตัวอื่นแต่ยังคงมีกลิ่นเครื่องเทศ ส่วนตัวมินท์ จะค่อนข้างเบากว่าตัวอื่นๆ นะคะ ค่อนข้างหอม เน้นที่กลิ่นมากกว่าค่ะ
สำหรับเครื่องดื่มก็มีดังนี้ค่ะ สิ่งแรกที่ลองสั่งมาดื่มกันนะคะ ก็คือเครื่องดื่มอันเป็นเอกลักษณ์ของอินเดียค่ะ นั่นก็คือ ลาสซี่นั่นเอง ซึ่งที่ร้านจะมีด้วยกันเจ็ดรสชาติ เรียงจากซ้ายไปขวานะคะ
เค็ม หวาน สะระแหน่ มะม่วง ซินนาม่อน น้ำผึ้ง คาราเมล
ซึ่งเราชิมสามรสคือ มะม่วง น้ำผึ้ง คาราเมล อร่อยทั้งสามรสชาติเลยค่ะ (สำหรับคนชอบโยเกิร์ตอย่างเราด้วยนะ อิอิ) สำหรับสายแอลฯ ที่นี่มีเบียร์หลากหลายยี่ห้อเลยค่ะ เห็นสายแอลฯ ก็สั่งมาลองกันหลายยี่ห้อเลย ดูปลื้มปริ่มกันดีเชียว นอกจากนั้นก็มีค็อกเทลที่เป็นซิกเนเจอร์ด้วยค่ะ เรากับเพื่อนสั่งมาอย่างละหนึ่ง ของเราเป็น Lady Lying on Lemongrass 300++ บาทนะคะ เราชอบนะ สดชื่นดีค่ะ หอมตะไคร้แค่กลางๆ ค่ะ ไม่ฉุนหรือชัดเกินจนเป็นน้ำตะไคร้อ้ะ
ของเพื่อนเป็น Wild Honey Ginger Martini 300++ เช่นกันค่ะ แต่รสขิงค่อนข้างชัดมากเลยแหละ จากนั้นก็เริ่มต้นกันด้วยอมุสบุชค่ะ ตัวอมุสบุชนี่จะจัดให้สำหรับคนที่สั่งดินเนอร์ 6 คอร์สนะคะ โดยแต่ละวันจะไม่ค่อยซ้ำกันค่ะ ขึ้นอยู่กับวันนั้นเชฟเห็นว่าควรทำอะไรค่ะ
วันนั้นอมุสบุชของเราเป็นกล้วยทอดท็อปปิ้งด้วยแมงโก้ซัลซ่า ซึ่งมีรสเจือหวานและเผ็ดปิดท้าย เป็นสองรสที่เราชอบ 555 อร่อยดีค่ะ จานแรกค่ะ Tandoori Creamy Broccoli 320++ บาท เป็นบล็อคโคลีหมักในครีมและเครื่องเทศย่างในเตาทันดูร์นะคะ
บล็อคโคลี่มาแบบ..ใหญ่มหึมามากกก จะใหญ่ไปหนายยย ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างอิชั้นจะกินหมดได้อย่างไร (แล้วหมดไหมป้า หมด 555) มีกลิ่นหอมของการย่างที่กำลังดี ตัวซอสสีแดงๆ ที่อยู๋ในจานนี่ช่วยเพิ่มรสได้ดีนะคะ เพราะเฉพาะตัวบล็อคโคลี่เองนี่จะออกครีมมี่ๆ เป็นหลักค่ะ Indus Kebab-e-malai 380++ บาท เป็นจานเด่นของที่นี่ค่ะ เอาไก่เนื้อนุ่มไปหมักกับโยเกิร์ต ครีม ชีส และเครื่องเทศ ก่อนจะไปย่างในเตาถ่านทันดูร์เช่นกัน
ตัวนี้ไก่นุ่มจริงๆ ค่ะ ไม่แห้ง ซอสที่มาด้วยก็เปรี้ยวเบาๆ แซมหวานนิดๆ และมีเผ็ดอีกแล้ว (เมนูที่ได้กินวันนี้แซมเผ็ดแทบทุกจานเลยค่ะ ซึ่งถูกจริตอิชั้นมาก) Tandoori Tiger Prawns 250++ บาท ต่อตัว เป็นกุ้งกุลาดำ หมักเมล็ดมัสตาร์ด ผัก และน้ำมะนาวค่ะ ตัวนี้เครื่องเทศเยอะแต่กำลังดีนะคะ ถ้ากินเปล่าจะเค็มนำนิดหนึ่ง กินกับซอสที่มาด้วยจะพอดีค่ะ มีรสเผ็ดตามเช่นเคย ฮี่ๆ
Indus Nawabi Raan 990++/1690++ บาท เป็นขาแกะหมัก 7 ชั่วโมงย่างไฟอ่อนนะคะ มีสองราคา น่าจะตามขนาดของขาหละค่ะ
ตัวนี้แปลกมาก เพราะจานเรากับจานเพื่อนมีความต่างกันค่ะ ของจานเพื่อนจะฉ่ำกว่าไม่แห้งเท่าของเรา แล้วรสชาติก็เข้มกว่าด้วยค่ะ รสจะออกเค็มเด่นนิดนึง แต่เนื้อก็นิ่มอยู่นะคะ กลิ่นเนื้อแกะก็ไม่แรงด้วยค่ะ ระหว่างรอจานต่อไป มีเพื่อนคนหนึ่งสั่งชาร้อนมาค่ะ หน้าตาก็ตามภาพเลย ชอบนะคะ สวยดีอ้ะ ส่วนชาก็จะมีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของชาร้านอาหารอินเดียหละนะคะ ซึ่งไม่ถูกจริตเรา แหะๆ จากนั้นสามสี่อย่างนี้ก็มาพร้อมกันค่ะ ได้แก่...
Laal Maas เป็นแกงเนื้อแพะรสเผ็ดจากรัฐราชสถาน ราคา 550++
Palak Paneer ผักโขมบดผสมคอทเทจชีสและเครื่องเทศ 340++
Daal Makhani ถั่วดำต้มไฟอ่อนเติมเนยและแต่งหน้าด้วยขิง ราคา 240++
Hyderabadi Murgh Dum Biryani ข้าวหอมบาสมาติอบไก่พร้อมเครื่องเทศ หอมเจียวและโรยด้วยหญ้าฝรั่น 390++
Butter Chicken ไก่รมควันเคี่ยวในน้ำเกรวี่มะเขือเทศเติมเนยและครีม ราคา 380++
แกงเนื้อแพะ Laal Maas ตัวนี้รสเปรี้ยวจะเด่นนะคะ มีความเผ็ดกลางๆ ไม่จัดเกินไป คนไม่กินเผ็ดก็น่าจะกินได้ค่ะ เนื้อแพะกลิ่นไม่แรงด้วย Daal Makhani ขออนุญาตเรียกง่ายๆ ว่าแกงถั่วดำนะคะ แฮร่... ตัวนี้เข้มข้นดีนะคะ แต่เราชอบรสออกเจือหวานกว่านี้อีกนิดหนึ่งอะค่ะ
Palak Paneer ผักโขมบด ตัวนี้อร่อยนะคะ มีรสชาติดี บดมาเนื้อค่อนข้างเนียนค่ะ เหลือแค่ก้านนิดหน่อยเอง มีรสเผ็ดแซมอีกแล้ว เราชอบนะคะ ถูกปาก Hyderabadi Murgh Dum Biryani ข้าวอบไก่ ตัวนี้ข้าวจะเป็นเม็ดเรียวๆ แบบข้าวทางนั้นหละนะคะ เครื่องเทศไม่แรง แต่ชัด หุงมาร่วนๆ และมีรสชาๆ ปลายๆ ด้วยค่ะ Butter Chicken ตัวนี้สั่งได้ว่าเอาเผ็ดหรือไม่เผ็ดนะคะ อย่างถ้าสั่งให้เด็กก็บอกได้ค่ะ หอมเนยดีนะคะ รสชาติดีเลย อร่อยอยู่ค่ะ แน่นอนว่ามีแกงต่างๆ ก็ต้องมีนานและโรตีนะคะ ซึ่งทางร้านก็มีทั้งบัตเตอร์ การ์ลิค โฮลวีตรัชปราก้า โรตี และทรัฟเฟิ่ลค่ะ แต่ตัวที่อร่อยที่สุดสำหรับเราคือ ชีสนานค่ะ (สั่งมาต่างหากเลย) อร่อยมากๆ เทกซเจอร์นี่ดีอยู่แล้ว แต่รสชาตินี่มันนวล อร่อย และกินเคี้ยวกลืนเสร็จแล้วยังมีรสชาติค้างอยู่ในปากอีก ชอบบบบ แล้วเพื่อนก็ขอสั่งเมนูนี้เพิ่มค่ะ Chicken Tikka 340++ หอมมากกก (ลืมบอก ร้านนี้ที่เด่นมากๆ คือ เรื่องกลิ่นค่ะ ทุกจานที่วาง กลิ่นจะระรวยออกมาเตะจมูกทุกจานเลย) เนื้อไก่ก็นุ่มค่ะ นุ่มกว่าตัว Indus Kebab-e-malai อีกหละ รสชาติก็เข้มกว่า อร่อยหละ พอหมดอาหารคาว ก็ถึงเวลาอาหารหวาน ทางร้านก็เก็บถ้วยจาน จากนั้นให้ชามล้างมือและอุปกรณ์สำหรับการกินอาหารหวานมาตามภาพค่ะ ของหวานที่เชฟเตรียมไว้ก็ประกอบไปด้วยสามตัวนี้นะคะ
Gil-E-Firdaus ที่อยู่ในถ้วยน่ะนะคะ ทำมาจากน้ำเต้าผสมชีสและนม รสเบาอ่อนๆ หวานนิดๆ ครีมมี่เบาๆ ค่ะ
Kalakand Cheese Cake สีขาวๆ หอมชีสดีค่ะ หวานเจือเค็ม อร่อยนะคะ เราชอบหละ
Beetroot Halwa ตัวนี้จะออกแนวให้อารมณ์เหมือนกินกลอยอะค่ะ เทกซเจอร์ประมาณกัน แต่ก็เห็นบางคนชอบอยู่นะคะ สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
เป็นร้านอาหารอินเดียบรรยากาศดี บริการดี และมีหลายเมนูที่เราชอบค่ะ ชีสนานนี่คือดีงามมากนะคะ ชอบสุดๆ Chicken Tikka ก็อร่อย ลาสซี่เราก็ชอบทั้งสามรสที่ได้ลองค่ะ เป็นร้านอาหารอินเดียอีกร้านที่คิดว่าเหมาะสำหรับรับแขกดีค่ะ
โพสต์