อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2016-08-03
144 วิว
วันนี้ก็จะพาไปดินเนอร์ ณ ห้องอาหารในโรงแรมกันอีกแล้วนะคะ โดยรอบนี้พาไปลอง Grand Weekend Buffet Dinner ของห้องอาหารเดอะกลาสเฮ้าส์ โรงแรมอิสตินแกรนด์สาทรนั่นเองหละค่าาโดยแกรนด์วีคเอนด์ดินเนอร์ของที่นี่เปิดระหว่าง 18.00-22.00 น.ค่ะ ซึงจะเป็นอาหารอินเตอร์เนชั่นแนล ซีฟู้ดและเพิ่มสเตชั่นกริลล์ ราคา 1,650 บาท net ถ้าต้องการ free flow Wine (ขาวและแดง) ราคาอยู่ที่ 599 บาท net หรือจะแยกซื้อเป็น Beer Basket 3 ขวด 320 net มีเฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นะคะ โดยราคานี้รวมน้ำดื่ม ชา กาแฟ น้ำผลไม้แต่ถ้าใครจะไปงานไทยเที่ยวไทยวันที่ 1-4 กันยายน 2559 นี้จะมีขายในราคา 999 บาท net นะคะ ใครที่ดูรีวิวนี้แล้ว
โดยแกรนด์วีคเอนด์ดินเนอร์ของที่นี่เปิดระหว่าง 18.00-22.00 น.ค่ะ ซึงจะเป็นอาหารอินเตอร์เนชั่นแนล ซีฟู้ดและเพิ่มสเตชั่นกริลล์ ราคา 1,650 บาท net ถ้าต้องการ free flow Wine (ขาวและแดง) ราคาอยู่ที่ 599 บาท net หรือจะแยกซื้อเป็น Beer Basket 3 ขวด 320 net มีเฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นะคะ โดยราคานี้รวมน้ำดื่ม ชา กาแฟ น้ำผลไม้
แต่ถ้าใครจะไปงานไทยเที่ยวไทยวันที่ 1-4 กันยายน 2559 นี้จะมีขายในราคา 999 บาท net นะคะ ใครที่ดูรีวิวนี้แล้วอยากไป แนะนำให้ไปซื้อเลยค่ะ คุ้มมากๆ หรือถ้าใครจะไปซื้อสำหรับบุฟเฟต์มื้อกลางวัน (12.00-14.00 น.) จาก 850 บาทก็จะเหลือ 499 บาทเน็ตเช่นกันค่ะ
ซึ่งวันนั้นเราก็นั่งรถไฟฟ้าไปค่ะ ไม่งั้นไม่ทันแหงๆ (ที่ทำงานอยู่ตั้งลาดกระบังอ้ะ เหอๆ) ก็ไปลงที่สถานีสุรศักดิ์ แล้วออกที่ทางออกหมายเลขสี่ จะมีสะพานเดินเชื่อมเข้ารร.อย่างสะดวกสบายตามภาพเลยค่ะ เข้ามาในโรงแรมปุ๊บก็จะเจอร้าน Chef Man ก่อนเลย เดินเลยเข้าไปแล้วก็ใช้ลิฟท์ทางซ้ายมือค่ะ กดลิฟท์ไปที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ The Glass House นะคะ (เชฟแมนนี่อยู่ชั้น 3 ของโรงแรมค่ะ ส่วน Luce ที่เราเคยรีวิวแล้ว (คลิกเพื่ออ่าน)จะอยู่ที่ชั้น 14 นะคะ)
ออกจากลิฟท์ไปก็เลี้ยวไปทางขวามือค่ะก็จะเป็นห้องอาหารเดอะกลาสเฮ้าส์แล้วนะคะ (แต่ถ้าขึ้นลิฟท์อีกตัวมาจากประตูเข้า-ออกล็อบบี้ด้านล่าง จะไปเจออีกฝั่งแทนค่ะ คนละฝั่งกับเรานะคะ)
บรรยากาศภายในห้องอาหารค่ะ คืนวันศุกร์ คนเยอะมากกกกกกกก เนื่องจากมาสาย (ไปถึงก็ทุ่มหน่อยๆ แล้วค่ะ ฮืออออ) เลยขอรีบไปเก็บภาพก่อนเลยค่ะ นี่ก็คือไวน์และเบียร์บัคเก็ตที่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่บอกไปก่อนหน้านี้นะคะ จากบริเวณที่เรานั่ง จะผ่านไลน์เครื่องดื่มเป็นน้ำสมุนไพรก่อนเลยค่ะ ซึ่งตอนแรกเป็นน้ำเก็กฮวยอย่างเดียว แต่สักพักก็มีน้ำกระเจี๊ยบมาเพิ่มแทนนะคะ น้ำเก็กฮวยที่นี่ไม่หวานจัดดีค่ะ ชอบๆ
นอกจากนั้นอย่างที่บอกนะคะว่าบุฟเฟต์นี้รวมชากาแฟไว้ด้วย ก็อยู่ฝั่งเยื้องๆ กับน้ำสมุนไพรนี่แหละค่ะ ติดกับน้ำสมุนไพร เป็นสเตชั่นของหวานแบบทำร้อนค่ะ มีทั้งแพนเค้กและเครปเลย รวมทั้งไอศกรีม Homemade ด้วยนะคะ จากนั้นก็จะเป็นส่วนของไลน์หลักอื่นๆ แล้วค่ะ ไปดูกันว่ามีอะไรให้กินบ้างเนาะ (ขออภัยที่รูปรีวิวนี้อาจจะไม่สวยงามเต็มร้อยแบบรีวิวอื่นๆ เพราะอย่างที่บอกว่าไปถึงช้า เลยทำให้ไลน์อาหารโดนตักไปค่อนข้างเยอะแล้วนะคะ แหะๆ) โซนแรกก็ประกอบไปด้วย ซุป Lobster Bisque ค่ะ แล้วก็มี Porchetta และแซลมอนด้วค่ะ ถัดจากนั้นจะเป็นสเตชั่นพาสต้าค่ะ และสามารถสั่งฟัวร์กราส์ (ซึ่งเป็นหนึ่งอย่างที่จะมีเฉพาะแกรนด์วีคเอนด์ฯ นะคะ) ที่นี่ได้เช่นกันค่ะ ต่อไปเป็นไลน์ฮอทดิชนะคะ มีกั้งผัดซอสกระเทียมเนยและเลมอน / Lamb Navarin Lagout (อร่อยค่ะ แกะไม่เหม็นเลย เปื่อยพอควร รสดี) / Chicken Saltimbocca with Parma Ham&Sage / Baby Broccoli with Red Sauce / กุ้งแม่น้ำทอดพริกเกลือ / แกงมัสหมั่นเนื้อ (เพื่อนบอกอร่อยนะคะ) / ข้าวผัดเนื้อปูและข้าวหอมมะลิค่ะ ส่วนในซึ้งนึ่งสุดท้ายจะเป็นเมนูปลาหิมะนะคะ ซึ่งปรุงสองแบบ นึ่งซีอิ๊วกับนึ่งมะนาวค่ะ ตัวนึ่งมะนาวรสดีมาก ปลาสด อร่อยค่ะ เพื่อนอีกคนกินนึ่งซีอิ๊วก็บอกว่าดีงามเช่นกันนะคะ
ต่อไปเป็นโซนของไก่ย่าง ข้าวเหนียว ส้มตำค่ะ ไก่ย่างนี่ทำแบบนี้มองเผินๆ เหมือนเคบับเลยนะคะนี่ ติดกันเป็นเทมปุระซีฟู้ดและผัก พร้อมอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ ค่ะ รอบนอกหมดแล้วค่ะไปดูไลน์กลางกันบ้างนะคะ ตรงหัวของไลน์ตรงกลาง จะเป็นส่วนของสลัดค่ะ มีชามใหญ่ให้คลุกสลัดด้วยนะคะ จากนั้นเราวนตามเข็มนาฬิกาค่ะ จะเจอส้มตำข้าวโพดหวานกับกุ้ง (หวานและรสไม่จัดค่ะ) ถัดไปที่อยู่ในถ้วยเล็กๆ จะมียำผลไม้กับน้ำตกเนื้อค่ะ (น้ำตกเนื้อรสชาติดี ไม่เผ็ดแต่ดีค่ะ อร่อย เนื้อก็หนุบหนับเคี้ยวมันดีแท้) น้ำพริกผักจิ้ม และยำหมูย่างค่ะ ติดกันเป็นโซนของหวานโซนแรกค่ะ มีครีมบูเล่ ลิ้นจี่ในเยลลี่เลมอน พานาคอตต้าและทับทิมกรอบค่ะ ต่อไปเป็นผลไม้ ขนมไทย ช็อกโกแลตฟองดูว์และเค้กต่างๆ ค่ะ ที่ชอบมากคือมีทอฟฟี่เค้กด้วย อร่อยอยู่นะคะ ต่อไปจะเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของแกรนด์วีคเอนด์ฯ นะคะ ซึ่งถ้าเป็นดินเนอร์วันอื่นจะไม่มีค่ะ คือ ปูทาระบะนะคะ นอกนั้นอย่างอื่นก็มีในดินเนอร์วันอื่นๆ ค่ะ ส่วนน้ำจิ้มและเครื่องเคียงก็มีทั้งสไตล์ไทยและเวสเทิร์นนะคะ
ถัดจากซีฟู้ดก็จะเป็นไลน์อาหารต่อค่ะ มี Apple Waldorf Salad / Tuna Nicoise Salad / Parma Ham / Smoked Salmon / Salmon Gravlax และขนมปังค่ะ กรณีที่ต้องการให้มีการปรุงอะไร เช่น บาร์บีคิว หรือพวกฟัวร์กราส์ ต้องเอาเบอร์ที่อยู่ที่โต๊ะไปยื่นให้พนักงานที่สเตชั่นนะคะ ปลาดิบค่ะ อันนี้ทางพีอาร์ให้จัดมาให้นะคะ ปกติก็ตักมาจากไลน์หละค่ะ ไม่ได้มีมาแบบนี้น้าาา แต่ปลาดิบดีงามค่ะ คุณภาพดี สด พอๆ กับร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ หลายร้านเลย
เมนูวันนั้นที่ได้กิน ก็ตามที่เม้นท์ๆ ไปตามรูปไลน์อาหารนะคะ ที่เพิ่มเติมก็มีดังนี้ค่ะ ส้มตำ ขนาดสั่งเผ็ดและแซ่บก็ไม่ได้แซ่บนะคะ เพราะใช้พริกแบบ..พริกไม่เผ็ดน่ะค่ะ หารร.ที่ใช้พริกขี้หนูสวนอย่างที่ควรเป็นยากมาก (แต่ก็เข้าใจนะคะ เพราะถ้าใช้พริกขี้หนูสวน ชาวต่างชาติคงมิสามารถรับประทานได้ แหะๆ) เพราะงั้นถ้าใครสายแซ่บ อย่าลองส้มตำค่ะ / ส้มตำข้าวโพดหวาน อย่างที่บอกว่าออกหวานไปค่ะ / ไก่ย่าง เนื้อชุ่มฉ่ำดีค่ะ มาตรฐาน / ปลาหิมะนึ่งมะนาว แซ่บมาก อร่อยมาก ได้ใจมากค่ะ ชอบอย่างแรง เชียร์ให้กินนะคะ (อีกท่านที่กินนึ่งซีอิ๊วก็บอกอร่อยค่ะ) ปลาสดค่ะ
ท็อฟฟี่เค้ก อร่อยโอเคค่ะ ใกล้เคียงกับออริจิฯ ที่ทำให้เค้กตัวนี้โด่งดังขึ้นมาเลย ไอศกรีมเรากินสี่รส ช็อกโกแลต ช็อกฯ เข้มข้นมากกกกก สายดาร์คช็อกต้องโปรดแน่นวล / วานิลา มาตรฐานค่ะ / สตรอเบอรี่และแพสชั่นฟรุตนี่มาเต็มจัดเต็มมาก สายซอร์เบต์ก็ต้องโดนเช่นกันนะคะ มาการองอร่อยนะคะ เสียดายว่ามีรสเดียว ไส้อร่อยมากๆ ชอบหละ
สรุปสำหรับที่นี่นะคะ
ซีฟู้ดสดดีงาม โดยเฉพาะปูค่ะ สดหวานแน่นมาก อร่อยสุดๆ / ปลาดิบดีนะคะ สดพอๆ กับร้านญี่ปุ่นหลายร้านเลย / ตัวฮอทดิช เชียร์ปลาหิมะนึ่งมะนาวค่ะ อร่อยมากๆ / ของหวานที่ชอบจะมีไอศกรีม (กินสี่รส อร่อยทุกรสนะคะ) มาการอง และทอฟฟี่เค้กค่ะ
โพสต์