วันนี้จะพาไปทานอาหารที่ร้านดังแห่งเมืองสิงห์บุรีครับ  เป็นร้านอาหารเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองสิงห์บุรีมานานแล้วแต่ที่เป็นที่รู้จักของคนต่างถิ่นก็เพราะว่าได้ไปออกรายการดังรายการหนึ่งบวกกับเอกลักษณ์ของเจ้าของร้านเลยได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปครับ


ร้านรำพึง   สิงห์บุรี


วิธีการมาร้านรำพึง  สิงห์บุรี  ใช้เส้นทางเดียวกับโรงพยาบาลสิงห์บุรีและตลาดกลางเมืองสิงห์บุรีครับ  มาไม่ยากครับ  ที่ร้านเค้ามีที่จอดรถเรียบร้อยเลยครับ


อย่างแรกเลยเวลาเจ้าของบล็อกนึกถึง  ร้านรำพึง  สิงห์บุรี  เจ้าของบล็อกจะนึกถึง  “ป๋ารำพึง”  เจ้าของร้านรำพึง  สิงห์บุรี  ที่มีบุกคลิกที่ชัดเจน  เสียงดัง  แต่ใจดี  

ตัวร้านเป็นตึกแถว  2  ห้องติดกัน  ทางเข้าจะเป็นครัวสำหรับทำอาหารตัวร้านจริงๆเป็นห้องแอร์เย็นฉ่ำ  สะอาดสะอ้าน  ร้านรำพึง  สิงห์บุรี  เปิด – ปิด  เป็นเวลานะครับ  และกติกาที่สำคัญสำหรับร้านนี้ก็คือ  “สั่งอาหารครั้งเดียว”  ครับ

เมนูแรก  ทอดมันปลากราย  ราคา  200  บาท

ดูเหมือนว่าราคาจะค่อนข้างสูง .... แต่จริงๆไม่นะครับ  ที่ขายกันตามร้านอาหารทั่วไปราคาร้อยกว่าบาทมีแค่ 5-6  ชิ้นครับ  แต่ที่  ร้านรำพึง  สิงห์บุรี  ทอดมันปลากรายมี  10  กว่าชิ้นครับ เหนียวหนุบหนับมากๆ  รสชาติไม่เผ็ดมากครับเหมาะสำหรับการกินเล่นๆได้ครับ

เม็ดมะม่วงผัดปลาช่อนกรอบ  ราคา  200  บาท

จานนี้อร่อยสุดๆครับ  ปลาช่อนแล่เอาแต่เนื้อหั่นเต๋าแล้วทอดจนกรอบ  เอามาผัดกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์  ปรุงรสหวานๆ เผ็ดนิดๆ  จานนี้กินกับข้าวสวยเพลินเลยครับ  ทราบทีหลังว่าเมนูนี้เป็นสูตรเด็ดของทางร้านเองด้วย  ไม่มีขายที่ไหนครับ


เมนูสุดท้าย  ต้มยำปลาคัง  ราคา  200  บาท

จานนี้รสชาติแซ่บมากครับ  ปรุงมาได้รสชาติที่ชอบมากๆ  เปรี้ยวก่อนแล้วตามด้วยแซ่บ  หอมพริกขี้หนูตำมากๆครับ  เนื้อปลาคังก็ชิ้นหนามากๆ  เนื้อหวานสุดๆครับ



ร้านรำพึง  สิงห์บุรี  เป็นร้านอาหารในตำนานแห่งจังหวัดสิงห์บุรี  ถ้ามีเวลาก็อยากให้มาชิมกันนะครับ  สิงห์บุรีขับรถแป๊บเดียวครับ  ไม่ไกลครับ 

ร้านอาหารร้านที่สองในจังหวัดน่านในวันนี้เป็นร้านที่เลือกมาทานเป็นมื้อกลางวันครับ  จริงๆไม่ได้เลือกร้านนี้เป็นอันดับแรกนะครับ  ...  เป็นร้านที่เลือกมาเป็นอันดับท้ายๆเลยละ   แต่ร้านอันดับแรก  “ปิด”  ช่วงเวลาที่เราอยู่ในจังหวัดน่านพอดีครับ  เลือกร้านที่สองมาก็ดันลืมดูว่าเค้าเปิดเย็น  พอไปถึงร้านเห็นว่าร้านปิดเลยเคว้ง กลัวว่าคุณนายแม่กับหลานสาวจะหิวก็เลยเลือกร้านนี้มาเพราะอยู่ใกล้ๆกัน


เฮือน่าน   อ.เมือง  จ.น่าน


ร้านเฮือน่าน อยู่ทางไปสถานีขนส่งน่านและทางไปโรงแรมน่านน้ำทองครับ  แยกจากถนนใหญ่เข้าไปนิดเดียว  มองป้ายสูงๆทางซ้ายมือเอาไว้ครับ  ร้านเป็นตึกแถว  3  ชั้น  2 คูหา ห้องเกือบๆสุดท้ายก่อนทางเลี้ยวซ้ายไปโรงแรมน่านน้ำทองครับ



ที่บอกว่าร้านนี้เป็นตัวเลือกท้ายๆสำหรับเป็นร้านอาหารในมื้อกลางวันนี้เพราะร้านนี้เป็นร้านที่เมนูหลักเป็นอาหารเวียดนาม   ตอนที่หาร้านอาหารเจ้าของบล็อกก็คิดว่าควรจะทานอาหารเหนือมากกว่า แต่พอได้มากกินแล้วรู้สึกดีใจที่ร้านที่เลือกไว้ตอนแรกปิดเพราะประทับใจในการบริการและรสชาติอาหารมากครับ







ร้านเฮือน่านเป็นร้านอาหารเวียดนาม – อีสาน  และอาหารทั่วไปครับ  โดยแหนมเนืองที่เป็นเมนูเชิดหน้าชูตาของร้านนั้นเป็นแหนมเนืองเจ้าดังจากทางภาคอีสานครับ  เจ้าของบล็อกสั่งแหนมเนืองชุดใหญ่  ราคา  280  บาท  มีหมู  8  ไม้  แป้งห่อ  1  ตั้งใหญ่ๆ  ที่ต้องบรรยายถึงขนาดนี้เพราะ  “ลืมถ่ายรูปมา” คงเป็นเพราะทุกคนหิวมาก  ก็มันเลยเวลาทานข้าวกลางวันของที่บ้านเจ้าของบล็อกมานานแล้ว  พออาหารมาเสิร์ฟเป็นอย่างแรกก็เลยไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว ได้รูปตะกร้าผักตะกร้าใหญ่มาเป็นหลักฐานให้เห็นว่าสั่งแหนมเนืองจริงๆ  ตะกร้าผักใหญ่มากๆครับ  แถมผักในตะกร้าก็มีหลากหลายมาก  ที่สำคัญเป็นผักปลอดสารพิษด้วย






ข้าวปั้นอีสาน  (ไส้กรอกอีสาน)   ราคา  69  บาท


ก็อร่อยดีนะครับ  แต่ที่บ้านเจ้าบล็อกชอบไส้กรอกอีสานที่เปรี้ยวมากกว่านี้ครับ





ยำผักกูดกุ้งสด  ราคา  120  บาท


จานนี้อร่อยมากครับ  น้ำยำไม่แซ่บจนเกินไป  เป็นน้ำยำที่ไม่ใส่น้ำพริกเผา  แถมมีถั่วลิสงคั่วโรยหน้ามาด้วยให้ความแซ่บ  ความหอมมัน  สุดยอดครับ








กุ้งพันอ้อยชุดเล็ก  ราคา  150  บาท


กุ้งไม้ใหญ่ทีเดียว  ไม้นึงทานกันได้ 2 คนเลยครับ 






ปอเปี๊ยะสดเวียดนาม  ราคา  89  บาท

อันนี้รสชาติอร่อยตามปกติครับ





ปอเปี๊ยะทอด  ราคา  89  บาท






นักเก็ตไก่ทอด  ราคา  79  บาท  

สั่งมาเป็นเมนูให้เด็กครับ  แต่เด็กหันไปกินเมนูถัดไป






ข้าวผัดเวียดนาม  ราคา  50  บาท







ร้านเฮือน่าน  เป็นร้านอาหารเวียดนามในจังหวัดน่านที่อร่อยใช้ได้  บริการดี๊ดีครับ   ระหว่างที่เจ้าของบล็อกนั่งทานก็เห็นลูกค้าอื่นมารับแหนมเนืองที่สั่งไว้ถุงใหญ่ๆหลายคนทีเดียวครับ

ร้านอาหารที่ลพบุรีอีกร้านหนึ่งที่ได้ไปชิมมาในครั้งนี้เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ร้านหนึ่งของจังหวัดลพบุรีเลยครับ  เรียกได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของังหวัดลพบุรี  แขกไปใครมาก็ต้องพามากินที่ร้านนี้ครับ


มัดหมี่ ลพบุรี


ร้านมัดหมี่ เป็นร้านอาหารเก่าแก่ของจังหวัดลพบรีที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับจังหวัดลพบุรีมานาน ด้วยสูตรอาหารเฉพาะตัวของทางร้านที่เป็นสูตรอาหารไทยพวนที่มีความอร่อย  เป็นที่ติดใจของผู้ที่ได้ชิมจึงทำให้ร้านมัดหมี่ครองตำแหน่งร้านอาหารที่มีชื่ออันดับต้นๆของจังหวัดลพบุรีได้มาเป็นเวลานานแล้วครับ


วิธีการมาที่ร้านมัดหมี่  จะว่ายากก็ยากนิดๆ  จะว่าง่ายก็ง่ายนะครับ  ยิ่งสมัยนี้สามารถกำหนดจุดหมายใจ  GPS  หรือใน Google  ก็สามารถมาถึงที่ร้านมัดหมี่ได้อย่างง่ายดาย

ร้านมัดหมี่เป็นร้านอาหารที่อยู่ในหมู่บ้าน  แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องสถานที่จอดรถนะครับ ทางร้านได้จัดสถานที่จอดรถไว้ให้ตรงข้ามกับร้านเลยครับ  สะดวกมากมาย

เมนูของร้านมัดหมี่เป็นอาหารพื้นบ้านและเมนูอาหารไทยพวน  มีให้เลือกเยอะทีเดียวครับ


พอมาถึงร้านทางร้านจะเสิร์ฟขนมถ้วยอร่อยๆให้ทานเล่นก่อนครับ กระซิบไว้ก่อนว่าเก็บไว้ทานทีหลังก็ได้นะครับ  เดี๋ยวจะอิ่มขนมถ้วยซะก่อน อิอิ


เมนูแรก ปลาส้มฟักทอด  ราคา  100 บาท

เมนูนี้เป็นเมนู  OTOP  ของลพบุรีเลยนะครับ  .... ขอบอก  !!!  ปลาส้มฟักเป็นการถนอมอาหารโดยภูมิปัญญาคนรุ่นเก่า ไม่รู้ว่ามีที่ไหนบ้างแต่ว่าถ้าพูดถึงปลาส้มฟักจะนึกถึงจังหวัดลพบุรีเป็นที่แรกครับ

เด็กๆได้มาเที่ยวจังหวัดลพบุรี  ได้ชิมปลาส้มฟักแล้วติดใจครับ  ขอร้องให้คนพื้นที่เค้าพาไปซื้อที่ตลาด  ได้เห็นกาละมังปลาส้มฟักที่สูงไม่แพ้กะลามังน้ำพริกเจ้าดังๆ  เวลาเค้าขายก็จะตัดขายเป็นกิโลๆ แต่ปัจจุบันก็มีการพัฒนาให้ถูกสุขลักษณะขึ้นโดยการแพคมาจากโรงงานที่ทำตามน้ำหนักที่ต้องการครับ

เนื้อสัมผัสของปลาส้มฟักจะคล้ายๆทอดมันที่ไม่มีน้ำพริก ... คล้ายๆลูกชิ้นปลาที่ไม่ได้นวดจนเนียนครับ รสชาติจะออกไปทางเปรี้ยวๆ เค็มๆ  ตามธรรมชาติของการถนอมอาหาร  เมนูที่นิยมทำกันก็คือเมนูปลาส้มฟักทอด หรือจะให้แอดวานซ์ไปอีกนิดก็คือปลาส้มฟักชุบไข่ทอด

ปลาส้มฟักทอด ของร้านมัดหมี่ถูกใจเจ้าของบล็อกสุดๆครับ ชิ้นหนา  เนื้อแน่น  รสชาติเปรี้ยวๆ  เค็มๆ กำลังพอดี ทอดแบบกรอบนิดๆด้านนอกแต่ด้านในยังชุ่มฉ่ำอยู่  รับประทานเคียงกับ  หอมแดง ขิง  และพริกขี้หนู  สุดยอดอย่าบอกใครทีเดียว

เมนูที่สอง น้ำพริกมะขามไข่ต้ม  ราคา  100 บาท

ตอนแรกจะสั่งน้ำพริกลงเรือ  (เคยมากินร้านมัดหมี่หลายครั้งแล้ว  น้ำพริกลงเรืออร่อยมาก)  แต่ว่าหมด ก็เลยลองสั่งน้ำพริกมะขามครับ ถ้าพูดถึงเรื่องรสชาติเจ้าของบล็อกว่าอร่อยทีเดียวครับ  มีเผ็ดพริกขี้หนู  เปรี้ยวมะขาม คือเปรี้ยวแบบไม่โดด  เค็มกะปิ  มีหวานนิดๆ  แต่ถ้าพูดถึงเรื่อง  texture  ของน้ำพริกอันนี้เจ้าของบล็อกยังไม่ให้ผ่านนะครับ น้ำพริกมะขามที่บ้านของเจ้าของบล็อกจะมีเนื้อน้ำพริกมากกว่าเนื้อหมูสับครับ แต่ของที่ร้านมัดหมี่เจ้าของบล็อกว่าเนื้อหมูสับเยอะเกินไป ..... ไม่ใช่ว่าใส่เนื้อหมูสับเยอะๆแล้วดีนะครับ มันจะไป  drop  รสชาติและความเข้มข้นของน้ำพริกลงไปครับ  แต่เจ้าของบล็อกชอบไข่เป็ดมะตูมที่เสิร์ฟมาด้วยกันครับ  ไข่แดงเหนียวหนึบเลยอ่า ...

เมนูที่สาม ไข่เค็มผัดพริกขิงปลาดุกฟู ราคา  150  บาท
เมนูนี้เป็นหนึ่งในเมนูขึ้นชื่อของร้านมัดหมี่เลยครับ  รสชาติของเมนูนี้จะเผ็ดนิดๆ  ....  แต่เชื่อมั๊ยครับ  น้ำปิง หลานสาววัย  9  ขวบของเจ้าของบล็อกทานได้ครับ  นางชอบตรงความกรอบของปลาดุกฟู  และรสชาติที่เผ็ดนิดๆนั้นก็มีรสหวานๆ  เค็มๆ มาเจือ แถมด้วยความเค็มๆมันๆจากไข่แดงของไข่เค็ม ได้เมนูนี้มาต้องเรียกหาข้าวสวยร้อนๆเลยครับ

เมนูที่ 4  ผัดผักโครงการหลวง  ราคา 120  บาท

เมนูนี้รสชาติเข้มข้นดีมากครับ  ผักสด กรอบ  หวาน  ครับ

เมนูสุดท้าย ต้มข่าไก่   ราคา  120 บาท
เป็นต้มข่าแบบที่ที่บ้านชอบกันทั้งบ้านเลยครับ  ใส่สมุนไพรเยอะๆ  ใส่เห็ดฟาง มะเขือเทศ  รสเข้มข้น  เปรี้ยวๆ เผ็ดๆ  หอมกะทิ  แล้วต้องใส่น้ำพริกเผาด้วยนะครับ  เมนูนี้ซดกันสนุกเลยครับ

ร้านมัดหมี่เป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดลพบุรี ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดลพบุรีอย่าลืมแวะมาทานที่ร้านมัดหมี่กันนะครับ    ด็ด

เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณชายชวนไปตามรอยละคร “กรงกรรม”  ถึงอำเภอชุมแสง  จังหวัดนครสวรรค์ รีบตกปากรับคำทันทีเพราะตัวเองก็อยากจะไปอยู่แล้ว ตั้งท่าจะชวนคุณชายไปหลายอาทิตย์แล้วกลัวจะได้คำตอบว่า “ขี้เกียจขับรถ”  เพราะไป – กลับ  ใช้เวลาทั้งวัน


ก่อนไปคุณชายนั่งดูรายการ  “คาราวาญสำราญใจ”  พาไปเที่ยวที่บ้านปากคลอง  อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ รายการแนะนำร้านอาหารมาร้านหนึ่งเห็นว่าน่ากินทุกเมนูและไม่ไกลจากตลาดร้อยปีชุมแสงด้วยเลยเลือกร้านนี้สำหรับการฝากท้องเป็นมื้อกลางวันครับ


รุ่งทิพย์ อ.ชุมแสง  จ.นครสวรรค์


ร้านรุ่งทิพย์  อยู่ที่ตำบลฆะมัง  อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ ออกจากตัวอำเภอชุมแสงไปไม่ไกลครับ ร้านอยู่ระหว่างทางไปวัดฆะมัง ท่าทางร้านนี้จะเป็นร้านดีร้านเด่นของอำเภอชุมแสงครับ  เพราะว่ามีคนมากินไม่ขาดสาย  ไม่ได้มาแค่คนสองคนนะครับ  มาทีเป็นครอบครัวเลยครับ  จากที่ดูในรายการ  “คาราวาญสำราญใจ”  เห็นบอกว่าเจ้าของร้านเป็นผู้ใหญ่บ้านด้วยนะครับ   ภายในร้านกว้างขวางมากครับ  มีที่จอดรถกว้างขวางอยู่หน้าร้าน  แต่ร้านเป็นร้านสไตล์บ้านๆนะครับ  ไม่มีห้องแอร์ แต่มีลมธรรมชาติพัดเรื่อยๆ  ก็ช่วยบรรเทาความร้อนไปได้โขอยู่ครับ

ร้านรุ่งทิพย์ขึ้นชื่อเรื่องเมนูปลาจากแม่น้ำน่านซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านอำเภอชุมแสง  เมนูของร้านจึงเป็นเมนูที่มีปลาเป็นส่วนประกอบทั้งหมด  ไม่ต้องตกใจนะครับ  ถึงเมนูไม่มีราคาบอกแต่ว่าอาหารทุกอย่างถูกอย่างน่าใจหายครับ ...


ขอเตือนว่าเมนูร้านรุ่งทิพย์จานใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ..... ขนาดเจ้าของบล็อกไปกัน  3  คน  ทานอาหาร  4  อย่างไม่หมดครับ  ยังต้องเก็บมากินบ้าน  2 อย่าง  อีก  2 อย่างกินแบบเหลือๆด้วยครับ


เมนูแรก ปลาเนื่ออ่อนทอดกระเทียม  ราคา  200  บาท
พนักงานในร้านจะถามก่อนว่าจะเอาปลาตัวใหญ่หรือตัวเล็กนะครับ เจ้าของบล็อกคิดว่าถ้าเป็นปลาเนื้ออ่อนตัวใหญ่จะต้องระวังเรื่องก้าง  เลยเลือกแบบตัวเล็ก  แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยครับ  ทอดปลามากรอบมากกกกกกกก  กรอบทนจริงๆครับ  ขนาดว่ากินที่ร้านไม่หมดเอากลับมากินเย็นที่บ้านยังกรอบอยู่เลยครับ  รสชาติจะออกเค็มๆ  หอมกระเทียมเจียว  กินเล่นๆเพลินเชียวครับ

เมนูที่สอง  ผัดเผ็ดปลาค้าว  ราคา  180 บาท
จริงๆเจ้าของบล็อกก็ไม่รู้จักหรอกครับว่าปลาค้าวหน้าตาเป็นแบบไหน ตอนที่สั่งยังกลัวๆว่าถ้าหน้าตาออกมาเหมือนปลาไหล  ปลากระทิง คงต้องบอกลาแน่ๆ  ....  แต่ไม่เหมือนครับ  ... โชคดีไป อิอิ

ผัดเผ็ดปลาค้าวจานนี้เด็ดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ..... คือเผ็ดเลยนะครับ  เผ็ด  เค็ม ไม่มีหวานเลย  เผ็ดแบบเผ็ดเลยครับ  กินไปน้ำหูน้ำตาไหลไปแต่อร่อยจนหยุดไม่ได้เลยครับ  เครื่องสมุนไพรที่ใส่มาก็ถูกใจมากๆ  หอมมากทีเดียวครับ

เมนูที่สาม ปลาช่อนผัดขิง  ราคา  180 บาท
เมนูนี้ก็อร่อยครับ  รสชาติกลมกล่อมมากๆ  ปลาช่อนจะทอดมาแค่เหลืองๆ พอเอามาผัดกับเครื่องน้ำซอสก็ซึมเข้าไปในชิ้นปลาช่อนทอด  หอมขิงซอยมากๆ 

เมนูที่สี่  ต้มยำปลาคัง  ราคา  180 บาท
เมนูนี้ก็แซ่บสุดๆครับ  รสชาติต้มยำจะมีรสเปรี้ยวนำ ตามด้วยความแซ่บของพริกขี้หนูสดบุบกับพริกแห้งทอด  หอมใบผักชีใบเลื่อยครับ

ร้านรุ่งทิพย์  เป็นร้านอาหารที่มีรสชาติอร่อย  ถูกปาก และราคาก็โดนใจมากๆครับ  

ก่อนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาคุณชายชวนไปนอนค้างคืนที่วังน้ำเขียวมาหนึ่งคืนโดยใช้เส้นทางปราจีนบุรี  วันอาทิตย์ก็เลยแวะเยี่ยมรุ่นพี่ที่เรียนปริญญาตรีด้วยกันมาที่ปากช่อง  คนนี้รักกันมากๆครับ  เรียนจบตรีมา 20  กว่าปีแล้วยังติดต่อกันอยู่เสมอๆ เลยแวะไปให้รุ่นพี่เลี้ยงข้าวกลางวันที่เขาใหญ่ครับแล้วก็ใช้เส้นทางปากช่อง – สระบุรีเป็นเส้นทางขากลับ งานนี้ตัวแตกกลับมาเรยครับ กินกันเยอะมากๆ

ไก่ย่างเลิศทิพย์  ปราจีนบุรี

ร้านไก่ย่างเลิศทิพย์  อยู่บนถนนเส้นกบินทร์บุรี – ปักธงชัย  เกือบจะถึงวังน้ำเขียวครับ   ร้านไก่ย่างเลิศทิพย์  ร้านใหญ่โตเชียวนะครับ  ท่าทางจะเป็นร้านดังของแถวนี้  มีโต๊ะนั่งมากมายเลยทีเดียว  เคยได้ออกรายการทีวีซะด้วย

เมนูของร้านก็เป็นเมนูอาหารอีสานแท้ๆเรยคราบ

เมนูแรก  ไก่ย่างครึ่งตัว  ราคา  80  บาท
ตอนที่สั่งก็ไม่ได้คิดนะครับว่าจะน้อยแบบนี้   แต่มาคิดอีกทีก็ดีเหมือนกันครับจะได้กินได้หลายๆอย่าง คริๆๆๆ  
ไก่ย่างอร่อยมากครับ  ท่าทางจะใช้ไก่พันธุ์พื้นเมืองเพราะเนื้อแน่น  เคี้ยวหนุบหนับๆ  หนังบางมากกก ปรุงรสหมักมาอย่างดี  หอมเครื่องหมักมากๆครับ


เมนูที่สอง  ตำไทย  ราคา  40  บาท
รสชาติสะใจสุดๆเลยครับ  เผ็ด  เปรี้ยว  หวาน  ที่สำคัญตำถั่วลิสงคั่วกับส้มตำเลย  ไม่ได้โรยหน้าแบบร้านในกรุงเทพฯ  มันนัวมากกกกกกกกกก  ถูกใจจริงๆครับ

เมนูที่สาม คอหมูน้ำตก  ราคา  80  บาท
จานนี้มีงงครับ  สั่งคอหมูน้ำตกแต่ได้คล้ายๆลาบปนกับน้ำตกหมูเพราะใส่หมูสับรวนมาด้วย .... แถมรสชาติแบบไม่ได้เรื่องเลยครับ

เมนูที่สี่  ผัดหมี่โคราช (เล็ก)  ราคา  40  บาท
เป็นเมนูที่อยากลองที่สุด  เพราะมาถึงถิ่นแล้วต้องลองชิมกันหน่อย ... ก็โอนะครับ ไม่ได้อร่อยเริ่ดแต่ก็โอเลยครับ รสชาติคล้ายๆผัดไทยที่ใส่ซีอิ๊วดำครับ 

เมนูสุดท้าย แกงอ่อมไก่ + รังไข่  ราคา  80  บาท

เมนูนี้ถูกใจมากๆ  รสชาติก็ถูกใจ  เผ็ดๆ หวานผักที่ใส่มาหลายๆอย่าง หอมผักสมุนไพรกับข้าวคั่วมาก ที่สำคัญใส่ไข่อ่อนแบบไม่หวงเลยครับ
ถ้าแวะมาทางเส้นกบินทร์บุรี – ปักธงชัย  ก็อย่าลืมแวะมาทานที่  ร้านไก่ย่างเลิศทิพย์  นะครับ  ไก่ย่างของเค้าอร่อยทีเดียวครับ

หลายวันก่อนได้ผ่านไปแถวๆอำเภอบางปลาม้า  สุพรรณบุรี ทำธุระเสร็จก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี จะแวะไปร้านแม่บ๊วย หรือร้านกุ่ยหมงก็ไม่ทันใจคนขับรถ ก็เลยแวะรีสอร์ทริมแม่น้ำท่าจีนที่มีบริการอาหารด้วยดีกว่า  เดี๋ยวจะตีกันตายซะก่อน


บ้านสวนแผ่นดินแม่  บางปลาม้า สุพรรณบุรี



บ้านสวนแผ่นดินแม่รีสอร์ท  ตั้งอยู่ที่อำเภอบางปลาม้า  ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปอำเภอบางแม่หม้าย  ไม่ไกลจากตัวอำเภอบางปลาม้ามากครับ


บ้านสวนแผ่นดินแม่รีสอร์ท   เป็นทั้งที่พักที่เป็นเรือนไทยแบบโบราณทั้งหมดตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน   บ้านสวนแผ่นดินแม่รีสอร์ท  ยังให้บริการอาหารด้วยนะครับ


ตัวร้านจะอยู่บนแพขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก  2  หลัง  ลอยอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน  บรรยากาศดีมากๆ  เงียบ สงบ  น้ำยังใสอยู่มากๆ  นึกถึงบรรยากาศริมแม่น้ำเมื่อสาม – สี่สิบปีที่แล้วเลยครับ


เมนูส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารพื้นบ้านที่ทำจากปลาแม่น้ำครับ



ปลาสลิดยำมะม่วง  

เมนูนี้จี๊ดจ๊าดมากครับ  ปลาสลิดแดดเดียวแกะก้างออกแล้วทอดจนกรอบ  ยำกับมะม่วงเปรี้ยวๆมันๆ  เป็นรสยำแบบไทยๆ  พื้นๆ สุดยอดครับเมนูนี้ยิ่งได้มานั่งกินข้าวบนแพริมแม่น้ำแบบนี้มันเข้ากันมากๆครับ


ปลาเนื้ออ่อนสามรส


เมนูนี้จำได้ว่าราคาไม่แพงมากครับ  ปลาเนื้ออ่อนตัวขนาดกำลังกิน  2 ตัว  ทอดจนกรอบเกรียวไปทั้งตัว เฉพาะตัวปลานะครับคาดว่าน่าจะปรุงรสมาบ้างแล้วเพราะกินส่วนที่ไม่โดนน้ำราดก็ยังได้รสชาติเค็มๆ  หวานๆ แต่น้ำราดไม่ค่อยอร่อยครับ มีรสชาติของแป้งมันมากไปหน่อย  


น้ำพริกแม่โสภาทรงเครื่องพร้อมปลาดุกย่าง

เมนูนี้เด็ดจริงๆครับ  .... สำหรับคนที่ติดน้ำพริกที่หวานนิดๆอาจจะว่าไม่อร่อยเพราะเมนูน้ำพริกแม่โสภาเป็นน้ำพริกพื้นบ้านแบบโบราณจริงๆที่เผ็ดตะลุย  ไม่มีหวานเลย สังเกตมั๊ยครับว่าเค้าเสิร์ฟน้ำพริกนิดเดียว  ส่วนผักแกล้มให้มาเยอะมาก  รสของน้ำพริกคือเผ็ด ...  เผ็ดมากกกกก ... มีมะม่วงเปรี้ยวสับมาตัดรสนิดหน่อย ทานกันผักแกล้มและปลาดุกย่าง กินกับข้าวสวยร้อนๆ  สวรรค์เลยครับ

เมนูสุดท้าย  แกงป่าลูกชิ้นปลากราย
เมนูนี้ทั้งเผ็ดและร้อน  เผ็ดน้ำพริกแกงป่า  ร้อนเครื่องสมุนไพรที่ใส่มามีทั้งกระชาย  ใบกระเพรา ใบมะกรูด  และพริกชีฟ้าหั่น  ลูกชิ้นปลากรายก็เหนียวหนึบหนับ  เคี้ยวสนุกมากๆครับ


บ้านสวนแผ่นดินแม่รีสอร์ท    เป็นร้านอาหารริมแม่น้ำที่มีบรรยากาศดีมากๆ  อาหารเป็นอาหารพื้นบ้านรสชาติใช้ได้  อยากให้มาลองทานดูนะครับ

เมื่ออาทิตย์ก่อนมีเวลาว่างแบบโล่งๆ  คุณนายแม่ไปปาร์ตี้บ้านเพื่อนตั้งแต่เช้าๆ  ส่วนมากก็จะเลิกเย็นๆจนถึงเกือบมืด  อาสาไปส่งคุณนายแม่ที่บ้านเพื่อนแล้วก็เลยไปเที่ยวราชบุรีซะเรย  เดี๋ยวเย็นๆ มืดๆ ค่อยไปรับคุณนายแม่กลับบ้าน พอรู้ตัวว่าจะไปเที่ยวราชบุรีก็นึกถึง “ดารารุ่นเก๋า” ที่ต้องคนที่อายุ  45  ปีขี้นไปถึงจะรู้จัก .... ลลนา  สุลาวัลย์ .... ทราบมาว่าเธออำลาวงการกลับไปเปิดร้านอาหารอยู่ที่บ้านเกิดเธอที่อำเภอป้านโป่ง  จ.ราชบุรี นานแล้ว  ข่าวยังบอกอีกว่าเธอทำอาหารเอง  .... อร่อยมากด้วย ..... แฟนเหนียวแน่นอย่างเจ้าของบล็อกก็ต้องตามไปเยี่ยมเธอกันหน่อย


ลลนาคิชเช่น บ้านโป่ง  ราชบุรี



ร้านลลนาคิชเช่น  ตั้งอยู่ที่ตำบลเบิกไพร  อำเภอบ้านโป่ง  จ.ราชบุรี หากเดินทางมาถึงอำเภอบ้านโป่งให้ขับรถตรงต่อไปจนเจอแม่น้ำแม่กลอง  ขับเลียบแม่น้ำไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองตรงหน้าวัดบ้านโป่ง  แล้วเลี้ยวไปทางซ้ายขับไปอีกไม่ไกลจะเจอร้านลลนาคิชเช่นอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือครับ


อย่างที่บอกไปตอนเกริ่นนำนะครับ  ร้านลลนาคิชเช่น  เป็นของคุณลลนา  สุลาวัลย์ ดารานักแสดงยุค  80  ที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้านเกิดของตัวเอง  ที่สำคัญเธอเป็นลงมือทำครัวเองด้วยนะครับ  ... เจ้าของบล็อกใช้มือถือถ่ายรูปกับคุณจิ๋ม .... ชื่อเล่นจริงๆของเธอแต่รูปหายไปไหนไม่รู้ครับ  เสียดายที่สุดครับ

เมนูของร้านลลนาคิชเช่นมีเยอะมากครับ  ไม่น่าเชื่อว่าคุณจิ๋มเธอทำได้คนเดียวเลย 


เมนูแรก ยำใหญ่  ราคา  100  บาท

ยำใหญ่ร้านลลนาคิชเช่นใส่ทั้งหมูต้มชิ้นใหญ่ๆ  และกุ้งต้มตัวขนาดกำลังกิน  ผักสลัด มะเขือเทศ ต้นหอมกับคึ่นฉ่ายหั่นท่อน ราดน้ำยำหวานๆ เปรี้ยวกับเผ็ดนิดๆ และมีรสมันๆของถั่วลิสงคั่วบด กลมกล่อมมากเลยครับ  


เมนูที่สอง กุ้งซัดเกลือ  ราคา  150 บาท

เมนูนี้เป็นกุ้งขนาดกำลังกิน  ผ่าหลังเสียบไม้ให้ตัวตรงๆ  ย่างแบบสุกกำลังดี  ปรุงรสด้วยเกลือเท่านั้น  รับประทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสแซ่บบบบ  เด็ดดวงที่สุดครับ


เมนูที่สาม มะระปลาเค็ม  ราคา  100 บาท

เคยกินแต่เมนูคะน้าปลาเค็ม ไม่ยักกะรู้ว่ามะระเค้าเอามาผัดกับปลาเค็มได้ด้วยก็เลยลองสั่งมา .... ได้ชิมแล้วไม่ผิดหวังครับ รสขมอ่อนๆของมะระมันเข้ากันกับความเค็มนวลๆของปลาเค็มมากๆ  เมนูนี้นะครับถ้าได้ข้าวสวยร้อนๆ  น้ำปลาพริกซักถ้วย ... จะไม่ลืมพระคุณจริงๆครับ


เมนูสุดท้าย ไก่แกงป่า  ราคา  120 บาท

เค้าว่ากันว่าถ้ามาทานอาหารพื้นบ้านก็ต้องลองกินแกงป่า  ...  แกงป่าของร้านลลนาคิชเช่นรสชาติเด็ดขาดมากครับ  เผ็ด ร้อน  กำลังดี  ทานเข้าไปจมูกโล่งมากๆครับ หอมสมุนไพรที่ใส่มาในแกงป่าทำให้กินข้าวได้เยอะจริงๆครับ



ร้านลลนาคิชเช่น  ร้านอาหารของคุณจิ๋ม  ลลนา สุลาวัลย์  อร่อย  ราคาไม่แพง ถ้าใครที่เคยชมฝีมือของเธอในการแสดงภาพยนต์แล้วคิดถึงเธอก็ไปเยี่ยมเธอได้นะครับ

มีโอกาสได้ไปจังหวัดลพบุรีเลยรีบไปหาร้านอาหารที่ได้รับความนิยมของจังหวัดลพบุรี  เสียดายที่มีเวลาน้อยเลยได้ไปชิมมาแค่  2  ร้านเองครับ


ผัดไทยป้าทีป   หน้าวังนารายณ์


ร้านแรกที่ไปชิมมาเป็นร้านอาหารประเภท  street food  นะครับ  พิกัดของร้านก็ชัดเจนมาก  อยู่เยื้องกับประตูใหญ่ของพระนารายณ์ราชนิเวศน์  กลางเมืองลพบุรีเลยครับ


ร้านผัดไทยป้าทีป  เป็นร้านเก่าแก่ของจังหวัดลพบุรี  ผัดขายมากว่า 50  ปีแล้วครับ  วันนี้ป้าทีปก็ยังปรุงผัดไทยเองครับ  แต่ถ้าโชคไม่เข้าข้างไปถึงลพบุรีแล้วอาจะไม่เจอป้าทีปก็ได้นะครับเพราะป้าทีบอาจจะไปออกร้าน.... ซึ่งก็บ่อยทีเดียว ....


ผัดไทยร้านป้าทีปเป็นผัดไทยแบบบ้านสุดๆครับ  ไม่ใส่เต้าหู้  หอมแดง  เพราะคนลพบุรีไม่ชอบ  ก็จะมีแต่เส้น  ไข่  ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ  น้ำปลา น้ำตาล  ใส่ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ  แครอท  ถั่วงอก  และใบกุยช่าย   รับประทานเคียงกับมะม่วงซอยเป็นเส้นบางๆ  ถั่วงอก  ต้นกุยช่าย 


เจ้าของบล็อกชอบที่ป้าทีปเสิร์ฟผัดไทยเคียงกับมะม่วงมากเลยครับ  มันเข้ากันมากๆ  ตัดมัน  ตัดเลี่ยนได้ดีจริงๆ   




ถ้าได้ไปพระนารายณ์ราชนิเวศน์ก็อย่าลืมแวะทานผัดไทยร้านป้าทีบนะครับ  ร้านอยู่เยื้องๆประตูวังเลยคราบ

มากินซาลาเปาทับหลีต้องฮั่นหยกหย่วน อร่อยเป็นต้นตำรับซาลาเปาทับหลี ร้านเด็ดของฝากขึ้นชื่อของหมู่บ้านทับหลี จากระนอง รสชาดไส้หมูสับ เข้มข้น พริกไทย อร่อยมาก บรรยากาศร้านบ้านโบราณ ร้านค้าสะอาด มีgreen food good tasteเรื่องความสะอาด ราคาถูก สามารถซื้อเก็บในตู้เย็นประมาณ 1อาทิตย์

ร้านที่จะมาแนะนำในลำดับถัดไปก็เป็นร้านอาหารริมแม่น้ำจากจังหวัดอยุธยาอีกแล้วครับ  อาจจะสงสัยว่าไปทำอะไรที่อยุธยาบ่อยจัง ....  อยุธยาเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯที่สุดแล้ว  มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย  มีร้านอาหารอร่อยๆหลายร้าน  เวลาเบื่อความร้อน  ความรถติดในกรุง .... อยุธยามักจะเป็นที่แรกที่นึกถึงครับ ...  อ้อ ... พักหลังๆชอบไปถ่ายรูปวัดในอยุธยาด้วยครับ  เลยไปบ่อยมากกกกก


สายน้ำป้อมเพชร



ร้านอาหารสายน้ำป้อมเพชร  ตั้งอยู่บนถนนอู่ทองใกล้ๆวัดสุวรรณดารารามและใกล้ๆกับร้านแพกรุงเก่าครับ  



เหตุที่ชื่อสายน้ำป้อมเพชรเพราะที่ตั้งของร้านเก่าดั้งเดิมอยู่ข้างๆ  “ป้อมเพชร” โบราณสถานที่มีชื่อเสียงเป็น  location  ในละครดังของช่องน้อยสี  “บุพเพสันนิวาส”  ไงครับ  ไม่แน่ใจว่าร้านย้ายมานานเท่าไหร่แล้ว  เคยไปกินตั้งแต่ร้านตั้งอยู่ข้างๆป้อมเพชรเพราะวิวแม่น้ำสวย   เพราะตรงป้อมเพชรจะเป็นสามแยกที่แม่น้ำเจ้าพระยา  ป่าสัก ไหลมารวมกันแล้วไหลลงไปยังอำเภอบางปะอิน เราจะเห็นแม่น้ำกว้างและไหลแรงมาก สามารถมองเห็นวัดพนัญเชิงได้ด้วยครับ 

เมนูแรกทีสั่ง  ทอดมันปลากราย  ราคา  150  บาท

ทอดมันเนื้อหนาๆ  ทอดมาสีกำลังสวยเลยครับ  ก็อร่อยตามมาตรฐานนะครับ  เนื่อเนียวหนุบๆหนับๆดี  รสชาติกลางๆครับ  ไม่ได้เผ็ดมาก

เมนูที่สอง  ปลาคังผัดฉ่า  ราคา  200  บาท

เมนูนี้เด็ดมากครับ  ที่โดเด่นคือรสชาติครับ  เผ็ด  ร้อน  หอมสมุนไพร  เมนูคลุกข้าวร้อนๆ  เหยาะน้ำปลาพริกซักหน่อย ฟินนสุด !!!!


เมนูต่อไปเป็นเมนูน้ำ  ต้มยำกุ้ง ราคา  250  บาท

ไม่ใช่ต้มยำกุ้งแม่น้ำนะครับแต่เป็นต้มยำกุ้งชีแฮ้  อิอิอิ  พอดีอยากกินต้มยำน้ำข้นครับ  ได้ดังใจมากๆ  ต้มยำรสจัด  เปรี้ยว เผ็ด  มันๆ  ซดน้ำจนเกือบแห้งแน่ะครับ อิอิ


เมนูสุดท้ายเป็นเมนูผัก  เห็ดออรินจิผัดน้ำมันหอย  ราคา 120  บาท

จานนี้อร่อยแบบมาตรฐานครับ  แต่หน้าตาดูไม่ค่อยสวยงาม  แครอทดูเหมือนไม่เต็มใจหั่นครับ



ร้านสายน้ำป้อมเพชร  ก็เป็นร้านอาหารริมแม่น้ำอีกร้านที่รสชาติมาตรฐาน  ราคาสูงไปนิดแต่เมื่อเทียบกับวิวแม่น้ำแล้วก็พอได้ครับ  

ร้านอาหารที่จะมาแนะนำในลำดับถัดไปอยู่ใกล้กับร้านสายน้ำป้อมเพชรในบล็อกที่แล้วมากกกก  เรียกว่าถ้าเดินจากร้านสายน้ำป้อมเพชรมาถึงร้านที่กำลังจะแนะนำใช้เวลาไม่ถึง  5 นาที ...

แพกรุงเก่า  เกาะเมือง  อยุธยา

ร้านแพกรุงเก่า  ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง  ใกล้ๆกับวัดสุวรรณดารารามครับ

ร้านแพกรุงเก่า เป็นร้านอาหารเก่าแก่คู่จังหวัดอยุธยามาช้านานครับ  ในปัจจุบันก็ยังคงความอร่อย  (บางอย่าง) และมีลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารอย่างหนาแน่นต่อเนื่องตลอด  ตัวร้านอาจจะไม่ค่อยสะดวกกับผู้พิการหรือคนชรานะครับด้วยตัวร้านตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำป่าสักที่สูงชัน ตัวร้านก็จะสร้างลดหลั่นกันจากถนนซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุด  ถ้าเป็นผู้สูงอายุผมแนะนำให้นั่งด้านบน  (เห็นวิวแม่น้ำไกล)  ครับ ถ้าเดินลงมานั่งริมแม่น้ำจะต้องเดินลงบันไดมาอีก  2-3 ขั้นครับ  

เมนูแรกเป็นเมนูแนะนำของร้านแพกรุงเก่าครับ  เมี่ยงปลาทู  ราคา  120  บาท

เมนูนี้น่าจะชื่อว่ายำปลาทูมากกว่า  “เมี่ยง” นะครับ  เพราะถ้าบอกว่า  “เมี่ยง” น่าจะแยกส่วนประกอบมา รับประทานกับผักสด  แต่นี้  “ยำ” รวมกันมาเลยแบบนี้แถวบ้านเจ้าของบล็อกเรียก  “ยำปลาทู” ครับ

รสชาติของยำปลาทูจี๊ดจ๊าดถึงใจมากกกก เป็นเพราะใช้เนื้อมะม่วงเปรี้ยวเป็นตัวชูรสเปรี้ยวแล้วมีถั่วลิสงทอด  ทั้งเปรี้ยวทั้งมันเลยครับ


เมนูที่สอง เขียวหวานลูกชิ้นปลากรายไข่เค็มผัดแห้ง   ราคา  140  บาท

เมนูนี้เป็นเมนูแนะนำตลอดกาลของร้านแพกรุงเก่าครับ  มากินกี่ครั้งๆก็ยังอร่อยเท่าเดิมทุกครั้ง  เนื้อปลากรายเหนียวหนุบหนับๆ  ยัดไส้ด้วยไข่แดงของไข่เค็ม  คลุกเคล้าด้วยน้ำพริกแกงเขียวหวานรสชาติเผ็ด  เค็ม หวานนิดๆ  เมื่อกินคู่กับลูกชิ้นปลากรายเนื้อเหนียวที่ยัดไส้ด้วยไข่แดงของไข่เค็มก็จีมีรสชาติมันๆ  เค็มๆ ตัดกับรสเผ็ดร้อนของน้ำพริกแกงเขียวหวานครับ นอกจากนี้ยังหอมสมุนไพรที่ใส่มาในผัดน้ำพริกแกงเขียวหวานด้วยสุดยอดจริงๆครับ


เมนูที่สาม  ถั่วฝักยาวผัดกะปิ จำราคาไม่ได้ครับ

เมนูนี้เป็นของแปลก ... แต่เป็นเมนูแนะนำของร้านแพกรุงเก่าเลยครับ ถั่วฝักยาวผัดกับหมูใส่กะปิ พริกชี้ฟ้าซอยเล็กน้อย  รสชาติเค็มๆหวานๆ  ด้วยความกรุบกรอบของถั่วฝักยาว  ความหอมของกะปิดี  รสชาติเค็มๆหวานๆ เท่านี้ก็เพียงพอกับการที่ตักข้าวในจานเพิ่มแล้วคราบ





เมนูสุดท้ายก็ยังเป็นเมนูแนะนำของร้านแพกรุงเก่าอยู่ครับ  แกงป่าไก่  ราคา  150  บาท

เมนูสุดท้ายนี่สุดยอดมากครับ  เผ็ด และหอมสมุนไพรต่างๆมากเลยครับ น้ำแกงขลุกขลิกยิ่งทำให้แกงมีรสชาติที่เข้มข้นมาก  เมนูนี้ต้องเรียกหาข้าวสวยอีกจานใหญ่ๆเลยครับ

ร้านแพกรุงเก่า เป็นร้านอาหารเก่าแก่ของอยุธยาที่รสมือไม่ตกเลยแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตามครับ    

วันนี้ไม่พูดมากครับ จะพาไปร้านอาหารที่ดังและวิวดีติดริมแม่น้ำติดอันดับร้านโด่งดังของจังหวัดอยุธยาเลยครับ  ปกติร้านนี้คนจะเยอะมากกกก  ถ้าไปตรงกับเวลาอาหารกลางวันแล้วละก็ต้องรอคิวกันนานทีเดียว พอดีว่าวันที่ไปกินนั้นเลยเวลาอาหารกลางวันมามากโขแล้วแต่ที่ร้านคนก็ยังเยอะอยู่นะครับ ... เรียกว่าเต็มร้านเลย ... ต้องต่อคิวหาโต๊ะแต่ไม่นานครับ



เรือนไทยกุ้งเผา  บางปะอิน อยุธยา


ร้านเรือนไทยกุ้งเผา  อยู่เส้นบางปะอิน – สามโคก สายเก่า  ตรงท่าน้ำวัดเชิงเลนเลยครับ  สามารถจอดรถได้ในวัด แต่ถ้าไปวันเสาร์ –อาทิตย์ จะมีตลาดนัดบริเวณวัดก็จะหาที่จอดยากนิดนึงครับ

ร้านเรือนไทยกุ้งเผาเป็นร้านอาหารที่มีขนาดใหญ่มากๆ  มีที่นั่งทั้งที่อยู่ในร้านบนริมฝั่ง  (แต่บรรยากาศโช้งเช้งๆเหมือนโรงอาหารมาก)  หรือว่าจะให้ได้บรรยากาศดีขึ้นอีกนิดนึงก็ไปนั่งในเรือเอี้ยมจุ้นลำใหญ่จุคนได้เกือบสิบโต๊ะที่ลอยห่างจากฝั่งพอประมาณ  ก็จะได้รับลมเย็นๆจากแม่น้ำ  เหมือนนั่งเรือกินข้าวชมวิวแม่น้ำไปด้วย

ไม่ได้ถ่ายเมนูมาด้วย ... เพราะอะไรจำไม่ได้แน่ ... น่าจะเพราะเด็กในร้านเก็บเมนูไปหลังจากสั่งอาหารเสร็จ

เมนูแรก เมนูทานเล่น  ทอดมันปลากราย  ราคา  150  บาท
ทอดมันปลากรายเนื้อหนา  เหนียวหนึบหนับๆ  ตรงขอบๆที่บางๆก็จะกรอบๆนิดนึงครับ  ทอดมาแก่ไฟไปนิดแต่ไม่ไหม้นะครับให้ความรู้สึกแบบกินข้าวโอมสเตย์ชาวบ้านอ่ะครับ คริๆๆ

ผัดฉ่าลูกชิ้นปลากราย  ราคา 200  บาท
เมนูนี้เป็นเมนูเด็ดขึ้นชื่อของร้านเรือนไทยกุ้งเผาเลยครับ  ลูกชิ้นปลากรายลูกใหญ่เต็มคำมากๆ  เหนียวหนึบหนับๆ  รสชาติของผัดก็เผ็ดร้อนถึงใจมากครับ


ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม  ราคา  250  บาท
เมนูแก้เผ็ดครับ  ปลาเนื้ออ่อนตัวกำลังกินเลยนะครับ  ทอดกรอบๆ ราดด้วยกระเทียมเจียวเหลืองๆ กรอบๆ  หอมๆ  จานนี้ตัดสินใจอยู่นานว่าจะกินกับข้าวดีหรือว่ากินเปล่าๆดี  คริๆๆ

ต้มยำกุ้งน้ำใส  ราคา  220  บาท
กุ้งแม่น้ำขนาดกำลังกินกับน้ำต้มยำน้ำใสรสจัดจ้าน  หอมเครื่องสมุนไพร  ถือว่าเป็นการปิดมื้อกลางวันที่ยอดเยี่ยมมากครับ


ร้านเรือนไทยกุ้งเผา  บางปะอิน ร้านอาหารอร่อย  บริการใช้ได้  บรรยากาศดีมากกกกกกกครับ

ร้าน “ป่าแก้ว  อ่างทอง”   คงไม่ค่อยคุ้นหูนักชิมชาวกรุงซักเท่าไหร่  แต่ถ้าไปถามชาวอ่างทองโดยเฉพาะคนที่อยู่ในอำเภอโพธิ์ทองจะต้อง  “อ๋ออออออออ”  ยาวเป็นแน่ เพราะร้านป่าแก้วเป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเอ่างทอง  โดยเฉพาะชาวโพธิ์ทองมาช้านาน  ด้วยวัตถุดิบพื้นบ้านที่สด  ใหม่  รสชาติอร่อยถูกปากและที่สำคัญคือราคามิตรภาพมากๆทำให้ร้านป่าแก้วยังคงเป็นร้านอาหารที่ครองใจลูกค้ามาตลอดนับสิบปี



ร้านป่าแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง



ร้านป่าแก้วอยู่บนถนนเส้นที่จะไปวัดขุนอิทประมูล  เส้นที่มาจากตัวอำเภอโพธิ์ทองครับ  ร้านอยู่ริมถนน  สามารถจอดรถริมถนนหน้าร้านได้เลยครับ

ร้านป่าแก้ว เป็นร้านอาหารพื้นบ้านที่เน้นเมนูที่ทำจากปลาสดๆ ตัวร้านจะสร้างเป็นอาคารโล่งๆหลายๆหลังกลางสระน้ำโดยมีทางเดินเชื่อมถึงกันได้  ทำให้ได้รับลมเย็นๆจากในสระ  ทำให้ร้านไม่ร้อน  มีลมเย็นตลอด


เมนูของร้านป่าแก้วก็จะมีทั้งเมนูแนะนำ  และเมนูที่แยกตามประเภทของการประกอบอาหารซึ่งทำให้ดูง่ายดีครับ


เมนูแรก ทอดมันปลากราย  ราคา  70  บาท

ทอดมันปลากรายช้นพอดีคำ  เนื้อหนา เหนี่ยว  นุ่ม  รสชาติเผ็ดน้อยๆ  ทานกับน้ำจิ้มรสชาติเผ็ดหวาน  มีความหอมมันจากถั่วลิสงคั่วบด  เข้ากันได้ดีเชียวครับ


เมนูที่สอง แหนมซี่โครง  ราคา  70  บาท

แหนมซี่โครงของร้านป่าแก้วเป็นแบบชุบแป้งบางๆทอดนะครับ เลยทำให้รสชาติเปรี้ยวๆของแหนมซี่โครงจางลงไปบ้างแค่นิดเดียวเท่านั้น รับประทานกับผักเคียงก็จะช่วยชูรสให้แหนมซี่โครงได้ดีเลยครับ

เมนูที่สาม ปลาดุกฟูผัดพริกขิงไข่เค็ม  ราคา  70  บาท

เมนูนี้เป็นเมนูเด็ดห้ามพลาดของร้านป่าแก้วเลยครับ  ปลาดุกฟูทอดกรอบๆ  ใหม่ๆ เอามาผัดกับน้ำพริกรสจัดมีรสชาติเค็มๆมันๆของไข่เค็มมาตัดรส  เมนูนี้ต้องทานกับข้าวสวยครับถึงจะได้รสชาติ

เมนูที่สี่ ปลาคังผัดฉ่า  ราคา  70  บาท

เมนูปลาอีกเมนูหนึ่งของร้านป่าแก้ว  ปลาคัวสดๆชิ้นโตๆ  เอามาผัดกับน้ำพริกแกงเผ็ดรสจัด  หอมใบโหระพา เมนูนี้ต้องยอมให้เผ็ดจัดครับ ไม่งั้นจะมีกลิ่นคาว  ได้เมนูนี้มาต้องเติมข้าวอีกซินะ !!


เมนูที่ห้า แกงส้มชะอมไข่  ราคา  70  บาท

เมนูซดน้ำครับ  แกงส้มไม่ได้เข้มข้นมากอย่างที่คิด แต่ก็ดีแล้วนะครับเพราะสั่งแต่เมนูรสจัดๆมาทั้งนั้น  ถึงไม่เข้มข้นมากแต่ก็ยังมีรสเผ็ดๆ  เปรี้ยวๆ พอให้ได้ซับเหงื่อครับ ไข่เจียวชะอมก็ชิ้นหนา ชุ่มน้ำแกง เวลากัดลงไปนี่ฟินสุดๆครับ


ร้านป่าแก้ว เป็นร้านอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงมายาวนาน  รสชาติอร่อย บริการประทับใจ และราคาก็ยังถูกมากอีกด้วยครับ

พวงเพชร เพชรบุรี


วิธีการเดินทางมาร้านพวงเพชร (ที่เจ้าของบล็อกคิดว่าเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด)  จากกรุงเทพฯ เดินทางสู่  “เขาวัง” จังหวัดเพชรบุรี ตรงเข้าตัวจังหวัดเพชรบุรีโดยใช้ถนนเพชรเกษมสายเก่า  ยูเทิร์นตรงประภาคารกลางถนน  วิ่งชิดซ้ายมาเรื่อยๆ  เลี้ยวซ้ายตรงธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะเห็นร้านพวงเพชรตั้งขาวงอยู่ข้างหน้าเลยครับ  หาที่จอดรถได้เลยครับ

ร้านพวงเพชร เป็นร้านเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมาเนิ่นนานของจังหวัดเพชรบุรีครับ  เป็นที่ขึ้นหน้าขึ้นตา  แขกไปใครมาต้องได้มาชิมซักครั้งสองครั้งครับ  เจ้าของบล็อกมีพี่เขยเป็นชาวเพชรบุรีก็ได้รู้จักกับร้านนี้มานานมากๆครับ

ตัวร้านพวงเพชรเป็นตึกแถวยาววววว หลายคูหา  เปิดด้านล่างโล่งถึงกัน  ยังทราบมาด้วยว่าชั้นสองของร้านก็ยังเป็นโต๊ะสำหรับทานอาหารอีกหลายสิบโต๊ะครับ

เมนูของร้านไม่หรูหราแต่ว่าสะอาดตา  เรียบร้อย  มีอาหารไม่มากมาย  เน้นอาหารที่มาจากวัตถุดิบพื้นบ้าน


เมนูแรกเป็นเมนูเด็ดขึ้นชื่อของร้านพวงเพชร  รักกันจริงต้องสั่งเมนูนี้ครับ  ปลาดุกทะเลผัดฉ่า  250  บาท

ราคาสูงนิดนึงแต่ว่าได้ปลาดุกทะเลชิ้นเบ้งๆเต็มจานเลยครับ .... เมนูต้องเตือนสำหรับคนทานเผ็ดไม่เก่งครับเพราะผัดฉ่าปลาดุกทะเลของร้านพวงเพชร  “เผ็ดมากกกกกกกกกก”  ... ก.ไก่สิบล้านตัว ....... แต่ไม่ได้เผ็ดจากพริกนะครับ  แต่เผ็ดจากเครื่องสมุนไพรที่เค้าใส่ในน้ำพริกสำหรับผัดครับ เท่าที่แยกได้ก่อนที่ลิ้นจะชาเพราะความเผ็ดก็น่าจะมี  พริกไทย กระชาย  แล้วก็ใบยี่หร่าครับ  แต่ปลาดุกทะเลถ้าไม่ใส่สมุนไพรเยอะๆก็จะเหม็นคาวครับ  แต่ถ้าถามว่าอร่อยมั๊ย ... อร่อยมากครับบบ ... แต่ก็เผ็ดมากกกก เช่นเดียวกัน

เมนูที่สองก็เป็นเมนูขึ้นชื่อของเมืองเพชรเช่นกันครับ  ต้มส้มปลากระบอก  ราคา  200  บาท

รสชาติของต้มส้มปลากระบอกของร้านพวงเพชรจะเป็นเอกลักษณ์มากครับ  คือมีรสออกหวานน้ำตาลโตนด  เผ็ดพริกไทย  และหอมขิงซอย  จะต่างจากร้านอื่นๆที่โดยทั่วๆไปเมนูต้มส้มจะมีรสเผ็ดพริกไทย  เปรี้ยวน้ำมะขามเปียกและเค็มนิดๆ  อาจจะเป็ยเพราะรสมือของชาวเมืองเพชรจะติดรสหวานๆน้ำตาลโตนดอยู่แล้วเนื่องจากเป็นวัตถุดิบพื้นบ้าน ความหวานของน้ำตาลโตนดจะเป็นความหวานที่มีน้ำหนัก  ไม่หวานลอยๆเหมือนกับน้ำตาลทรายนะครับ  หวานแต่ไม่หวานเหมือนขนม  และที่สำคัญคือมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วยครับ เลยทำให้เมนูนี้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ  


เมนูที่สามเป็นเมนูจากวัตถุดิบพื้นบ้านครับ  หอยเสียบคั่ว ราคา  120  บาท

เมนูนี้มีรสชาติเค็มๆ  หวานๆ  นะครับ  เนื้อหอยก็หนุบๆ หนับๆ  คลุกข้าวกินแก้เผ็ดดีสุดๆครับ

เมนูสุดท้าย  ไข่เจียวกุ้ง  ราคา  100  บาท

เมนูนี้ใส่กุ้งมาเป็นตัวๆเรยยย  ไข่เจียวก็กรอบๆ  รสเค็มๆ มันๆ ได้เมนูนี้มาต้องถามหาซอสพริกเผ็ดๆ เปรี้ยวๆ  คลุกข้าวกินฟินที่สุดครับ



ร้านพวงเพชร  จังหวัดเพชรบุรี  อร่อยสมคำร่ำลือ  สมกับเป็นร้านดีร้านเด็ดของเมืองเพชร หากพอมีเวลาอยากให้แวะมาทานร้านนี้ก่อนที่จะเลยไปเที่ยวหัวหินครับ