8
1
0
เบอร์โทร.
02-125-5020
ข้อมูลร้านอาหาร
La Tavola & Wine Bar เป็นห้องอาหารอิตาเลี่ยน อยู่บริเวณชั้น 3 ของโรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel นอกจากอาหารอิตาเลี่ยนแล้วยังมีให้บริการไวน์รสเลิศไว้สำหรับจับคู่กับอาหารจานโปรดอีกด้วย
อ่านต่อ
เหมาะสำหรับ
ธุรกิจ
ครอบครัว ลำลอง
โอกาสพิเศษ
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
11:30 - 14:30
18:00 - 23:00
จันทร์ - อาทิตย์
11:30 - 14:30
18:00 - 23:00
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
รายละเอียดของรางวัล
เมนูแนะนำ
บทความเกี่ยวกับร้านนี้
มาทานเซ็ตอาหารกลางวันราคาเบาๆ เดินทางสะดวก ห้องอาหารอิตาเลี่ยนสวยๆ เริ่มจาก ทานขนมปัง Complementary กันก่อนค่ะ ทานกับซัลซ่า และซอสสีดำนี้ออกหวานมัน อร่อยดีซุปผักสไตล์อิตาเลี่ยน ทานอุ่นๆ ได้สุขภาพค่ะ จานหลักเลือกเป็นปลากะพงย่างยัดไส้ผักโขม อร่อย แต่ปลาไม่ถึงกับสดมาก เนื้อไม่ขาวอ่ะปิดท้ายขนมหวานเลือก อะโฟกาโต้ มาเป็นเซ็ตแบบนี้ กาแฟหอมมาก ชอบเลยค่ะ
อ่านต่อ
ห้อง La Tavola อยู่ที่ โรงแรม Renaissance เป็นห้องอาหารอิตาเลียนที่คุมโดยเชฟใหญ่จากสเปน ในห้องตกแต่งสวยงาม บรรยากาศหรู และเป็นส่วนตัว วันนี้จะมาลองเมนูพิเศษที่มีเสริฟเฉพาะช่วงเทศกาลเห็ดทรัฟเฟิลดำ จัดตั้งแต่วันนี้ ถึง สิ้นเดือน สิงหาฯ ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ มื้อกลางวันและเย็น ที่นี่เป็นแบบครัวเปิด โชว์ลีลาเชฟทำอาหารแบบสดใหม่ ดูพิถีพิถันมาเริ่มกันด้วยเมนูแรก Cesar Salad, Grilled Chicken, Lettuce Bacon, Parmigiano, and Black Truffle (400 บาท)ซีซ่าสลัดกับไก่ย่าง ปกติเล็กชอบกินซีซ่าสลัดอยู่แล้วนะ พอได้เห็ดทรัฟเฟิลเพิ่มเข้าไปอีก คือทั้งรสและกลิ่นมันเข้ากันมาก ตัวซอสจะช่วยตัดความเลี่ยนได้ดี หอมอบอวลมากค่ะ รสกินง่าย ชีสก็คุณภาพดีค่ะPotato Creme Soup, black summer truffle, and smoked duck (380 บาท)ถ้าคนชอบกินซุปครีมๆ หรือพวกซุปทรัฟเฟิลเล็กว่าอันนี้ก็น่าจะถูกปากค่ะ ตัวซุปเป็นซุปมันฝรั่ง ถ้าชิมตัวซุปเปล่าๆก็ออกเค็มๆมันๆ ได้ทรัฟเฟิลมาเสริมเพิ่มกลิ่นละมุน เล็กว่ากลิ่นของทรัฟเฟิลนี่เป็นเอกลักษณ์มาก เค้าใส่เป็ดรมควันด้วย พอกินรวมกันโดยรวม รสและกลิ่นเสริมกันได้ดีมากเลย ชอบค่ะจานหลักวันนี้เป็น Scallop, Deep Sea Shrimp, iberico ham, and black truffle (800 บาท)หอยเชลล์ตัวอวบมากๆเลย เนื้อหวานๆ ทำได้ฉ่ำมาก ไม่สุกเกินไป ส่วนกุ้งเชฟใหญ่บอกว่าเป็นกุ้งจากทะเลน้ำลึก เนื้อจะออกเหนียวแน่น หวานๆ มีกลิ่นไหม้อ่อนๆ ในจานยังมีแฮมขาหมูสไลด์นำเข้ามาจากสเปน ออกเค็มเล็กๆ จานนี้ปรุงรสไม่มาก เน้นที่รสชาติและความสดของวัตถุดิบอันนี้เป็นพาสต้าชนิดหนึ่ง เนื้อหนึบๆ อร่อยดีค่ะจบท้ายด้วยของหวาน ของหวานไม่มีทรัฟเฟิลนะคะ ทายสิอะไรเอ่ย ตอนแรกยกมานึกว่าโฟม ตกใจ ที่แท้ก็สายไหมทีเด็ดอยู่ตรงนี้เลย เชฟเอาซอสเบอรี่มาราด และสายไหมก็ค่อยๆละลายเปิดให้เห็นขนมด้านใน ตื่นเต้นดีค่ะจานนี้คือ Panna Cotta Della Casa (325 บาท) ตัวพานนาคอตต้าทำจาก โยเกิร์ตไขมันต่ำ ไม่หวานนะคะ ได้รสเปรี้ยวๆของซอสเบอรี่และผลไม้สดช่วยตัดความเลี่ยนได้ดี จบท้ายมื้ออาหารได้ดีเลยค่ะ เบาๆสบายท้อง แต่ถ้าใครเน้นของหวานแบบหนักๆ อารมณ์ว่ายังไม่หนำใจเค้าก็มี ทิรามิสุ ชอคโกแลตมูสแนวนี้ด้วยค่ะสรุปภาพรวม ห้อง La Tavola คืออีกหนึ่งในร้านอาหารอิตาเลียนที่เล็กชอบ เค้าใช้วัตถุดิบดีมาก พวกซีฟู้ดสด ตัวใหญ่ๆ ปรุงแบบพิถีพิถัน รอช้านิดนึงเพราะเป็นแนวโฮมเมด เชฟใหญ่เอาใจใส่แขก เมนูเห็ดทรัฟเฟิลที่ได้ลองวันนี้ เค้าก็ให้ทรัฟเฟิลเยอะดีนะคะ แต่ที่ประทับใจที่สุดคือ กลิ่น รส และระดับความสุก ทุกอย่างทำได้ถูกใจ ใครชอบอาหารอิตาเลียนลองแวะมากินดูค่ะ
อ่านต่อ
ห้องอาหารอิตาเลียน LaTavola ของโรงแรม เรเนซองส์ ราชประสงค์ครับ เคยไปทานทั้งสองเมนู ตอนที่เป็นบุฟเฟต์ มื้อ Sunday Brunch ปัจจุบันไม่มีแล้วคับ บุฟเฟต์ แต่ก็ยังสามารถสั่งทั้ง 2 เมนูนี้มาทานได้อยู่นะ คาลามารี อร่อยครับ กรอบ ๆ แป้งไม่หนา ตัวหมึกก็สดดีมาก ๆ อันนี้ชอบมาก ๆ ครับ ไส้กรอกอิตาเลียนย่างกับ พริกหวาน และ เห็ดไส้กรอก เนื้อแน่น ๆ เคี้ยวมัน มากครับ แน่น ๆ แต่นุ่ม อร่อยจริง ๆ อันนี้ เป็นอีกห้องอาหารอิตาเลียน ที่ไปทีไร ไม่เคยผิดหวังครับ อาหารอร่อยเหมือนเดิม
อ่านต่อ
วันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศพาไปดินเนอร์แบบหรูๆ ใต้แสงเทียน ที่ห้องอาหาร La Tavola & Wine Bar โรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong ซึ่งห้องอาหารแห่งนี้ให้บริการอาหารอิตาเลี่ยน และยังเอาใจคนที่รักรสชาติของไวน์แท้ๆ ที่นำเข้าจากอิตาเลี่ยน อีกด้วย สำหรับห้องอาหารแห่งนี้ตกแต่งแบบเรียบๆ แต่หรูหรา ตามสไตล์อิตาเลี่ยน นอกจากนี้ยังสามารถเห็นครัวแบบเปิดที่สามารถร่วมซึมซับบรรยากาศของเชฟที่บรรจงจัดทำอาหารจานสวยๆ ไว้เอาใจลูกค้าที่มาใช้บริการได้อย่างใกล้ชิด ส่วนในบรรยากาศสำหรับมื้อ Dinner นั้นมีการสร้างบรรยากาศด้วยการจุดเทียนไว้ตามโต๊ะ ซึ่งทำให้ห้องนั้นดูสลัวๆ แบบโรแมนติกเล็กน้อย และล่าสุดมีการจัดโปรแกรมอาหารที่สามารถดื่มด่ำกับไวน์รสชาติเยี่ยมในบรรยากาศแบบ Wine Dinner ภายใต้โปรแกรม “Frescobaldi 700 years of great Tuscan wines” ที่เสิร์ฟอาหารแบบ 5 course meal แต่มีอาหาร 6 จาน ที่สำคัญทุกจานนั้นเสิร์ฟคู่กับไวน์รสเลิศ 6 ชนิดด้วยกัน ก่อนอื่นที่นี่เสิร์ฟ Complimentary bread มารองท้องแบบจุใจ แต่อย่าเผลอทานหมดละครับ ไม่งั้นจะอิ่มเร็วเกินไป เพราะยังมีอาหารอีก 6 จานรอเสิร์ฟอยู่มาเริ่มที่เมนูแรกกันเลยดีกว่ากับ Appetiser ที่ชื่อว่า “Aperitivo” หรือ Tonno e Fagioli - Seared Crusted Sesame Tuna, Cannellini Mash, Lemon Brioche, Parsley Emulsion เมนูนี้เป็นขนมปังกรอบที่มาพร้อมทูน่าสดรสดีวางบนถั่วบด พร้อมกับซอสพาร์สลี่ ถือว่าเบาๆ กำลังดีเลยครับ สำหรับเมนูนี้เสิร์ฟพร้อมกับไวน์ขาว “Danzante Pinot Grigio”สำหรับ First Course คือ “Primo Piatto” ซึ่งคอร์สนี้เสิร์ฟมาพร้อมกัน 2 เมนู นั่นก็คือ Panzanella Tradizionale ซึ่งทำมาจาก Olive Oil Poached Salmon, Tomato Ravioli, Crispy Bread, Fruits, Red Onion Jam เมนูนี้ดูหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ผลไม้สด ที่มาพร้อมกับปลาแซลมอนสดกับน้ำมันมะกอก นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มรูปแบบที่มาในรูปเยลลี่กลมๆ ที่เรียกเครื่องดื่มสไตล์นี้ว่า molecular drink สำหรับเมนูนี้เสิร์ฟคู่กับไวน์ขาวอีกชนิดนั่นก็คือ “Albizzia 2011 Chardonnay” ส่วนอีกเมนูที่เสิร์ฟคู่กันก็คือ Panzanella 2012 ทำมาจาก Traditional Panzanella bread, tomato, onion, basil, extra virgin olive oil เป็นสลัดมะเขือเทศ ที่มาในขนาดไม่มากจนเกินไป สำหรับเมนูนี้เสิร์ฟคู่กับไวน์ขาวอีกชนิดนั่นก็คือ “Pomino Bianco Chardonnay”จากนั้นต่อด้วย “Pasta” กับเมนูที่ชื่อว่า Pappardelle con il sugo ที่มีส่วนผสมของ Hand Cut Peppardelle, Beef Cheek Ragout, Shaved Mushrooms – Truffle เส้น Peppardelle ที่ตัดด้วยมือของเชฟเอง ที่มาพร้อมกับเนื้อ และเห็ด Truffle รสชาติของน้ำซอสเข้มข้น ในส่วนของเนื้อนั้นนุ่มและมีรสชาติดี ที่สำคัญไม่มีกลิ่นคาวของเนื้อ เมนูนี้เสิร์ฟมาในขนาดพอเหมาะ และเสิร์ฟคู่กับไวน์แดงที่ชื่อว่า “Chianti Nipozzano Riserva” มาถึง Main Course กับ “Secondo Piatto” กับเมนูที่ชื่อว่า “Mare & Monti” ที่ทำมาจาก Char Grilled Beef Cheek, Truffle Risotto, Scallop, Colonnata Lard, Enoki Mushrooms เนื้อย่างคุณภาพดี ที่เสิร์ฟพร้อมกับข้าว Risotto ที่ผัดคลุกเคล้ากับเห็ด Truffle มาพร้อมกับหอยเชลล์ชิ้นโต ถือว่าทำได้ดีทีเดียวเนื้อไม่เหนียวจนเกินไป ซึ่งเมนูนี้เสิร์ฟพร้อมกับไวน์แดง “Chianti Castiglioni” มาถึงเมนูสุดท้ายกับ Dessert Course ที่ชื่อว่า “Dolce” หรือ Torta della casa - Sultana Grape and Hazelnut Cake, Cantucci Ice Cream, Vin Santo Reduction ของหวานปิดท้ายแบบเบาๆ ด้วย เค้ก Hazelnut และลูกเกด ที่มาพร้อมกับไอศกรีม Cantucci ที่เสิร์ฟพร้อมกับไวน์ “Pomino Vin Santo”เพียงเท่านี้ก็ทำให้มื้อ Dinner สุดพิเศษของคุณเต็มไปด้วยรสชาติอาหารอิตาเลี่ยน และไวน์รสเลิศ ในบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก สำหรับเมนูพิเศษแบบนี้ เพียง 2,950++ ต่อท่าน เท่านั้น ก็ทำให้ลิ้มรสอาหารรสเลิศ 6 เมนู และไวน์รสชาติดี 6 ชนิดด้วยครับ
อ่านต่อ
โปรใหม่ห้องอาหารนี้ เป็นItalian sunday Brunch Buffet Italian brunch buffet และสามารถสั่งเมนู A la carte ได้คนละ 1 ที่ด้วยPrice : THB. 999++ per person. Add THB. 499++ for a free flow drinks. ส่วน Waiting area & Drink Bar รวมทั้งมีโต๊ะยาวๆ เป็นโต๊ะไม้อยู่ รวมทั้งผนังนี่ก็จะแขวนโชว์wine ไว้ด้วย เข้ามาในส่วนที่เป็นที่นั่งทานอาหารบรรยากาศจะสบายๆไม่หรูหรา จนทำให้เราตัวเกร็ง แน่นอนวันนี้ต้องเลือกใกล้หน้าต่างไว้ก่อน จะได้ถ่ายรูปสวยๆ และอีกส่วนนึงเป็นส่วนครัวเปิดค่ะ ให้เราเห็นว่าพ่อครัวทำงานอยู่เรามาเริ่มกันที่เครื่องดื่มกันก่อน มานั่งปุ๊บเค้าถามว่าจะรับอะไรระหว่าง Mimosa กับ fruit punch ก็เลยเลือกกันคนละอย่างได้ มาจิบเบาๆค่ะ แล้วก็เดินไปตักAntipasto - ของทานเล่น Italian styleอันได้แก่ ขนมปัง ชีส ของทอด โคลคัท พาม่าแฮม บลาๆๆๆ จานของเราเป็นพวก Salami ใช้ของดีนะ เค็มกะลังดี นิ่ม เหมาะกับทานกะไวน์แดงมากกกกส์ , Caprese Saladมาแบบเสียบไม้เหมาะกะคนรักชีสแต่ไม่อยากทานเยอะ , Rocket saladแกล้มหร่อยๆและก็ Bruschetta w/ tomato and basil กรอบหน่อยๆกินได้กินดี หอมเนย มีความสดชุ่มฉ่ำของมะเขือเทศ หอมกลิ่นbasil อีกมุมที่ห้ามพลาดสำหรับสาวๆ คือมุมsalad จ้ะ ที่ตักมาเรียก สลัดมั่วๆ ราดบาสลามิก ผักสดมาก โอ๊ะ บรรยายยังไม่ถึงไหน พื้นที่อัพรูปหมดซะก่อน ไว้เดี๋ยวมาอัพต่อตอนหน้านะคะ
อ่านต่อ
คุณอาจสนใจ