ร้าน  บ้าน – น้ำ - จันทร์  by  คุณาวุฒิ  เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง  เส้นทางที่จะไป  ร้าน  บ้าน – น้ำ - จันทร์  by  คุณาวุฒิ  เป็นเส้นทางเดียวกับการเดินทางจากวันโพธิ์  บางคล้า  ไปยัง  วัดปากน้ำโจ้โล้  โดย  ร้าน  บ้าน – น้ำ - จันทร์  by คุณาวุฒิ  จะถึงก่อนวัดปากน้ำโจ้โล้ไม่นานครับ


ร้าน  บ้าน – น้ำ - จันทร์  by  คุณาวุฒิ  มีที่นั่งทั้งเอาท์ดอร์ภายนอกอาคารติดริมแม่น้ำบางปะกงนะครับ  ถ้ามาทานข้าวกันตอนแดดร่มลมตก  รับรองว่าสวย  เกร๋  เกินใครเลยครับ  เนื่อจากแม่น้ำบางปะกงในช่วงอเภอบางคล้ายังมีความเป็นธรรมชาติมากๆ   



เสียดายที่เจ้าของบล็อกแวะไปทานอาหารกลางวัน  และเป็นวันที่แดดแรงซะด้วยครับ  เลยขอเข้าไปนั่งข้างในดีกว่า


(ไม่ได้ระบุราคาไว้เพราะว่าไปทานมาก่อนโควิทระบาดระลอกใหม่ครับ  เลยไม่แน่ใจราคาครับ)


หอยจ๊อ

ข้างนอกกรอบ  ข้างในนุ่มครับ  รับประทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ย  หวานๆ  เปรี้ยวนิดๆ  ช่วยตัดเลี่ยนได้ครับ

ทอดมันไข่เค็ม


เป็นทอดมันสอดไส้ไข่แดงเค็มนะครับ  เวลาทานก็จะได้รสของทอดมันที่เผ็ดๆ  รวมกับรสมันๆ  เค็มนิดๆของไข่แดงเค็ม  ช่วยให้รสกลมกล่อมมากขึ้นครับ  
น้ำพริกบ้าน – น้ำ - จันทร์  

เป็นน้ำพริกที่เป็นสูตรของทางร้านเลยครับ  อร่อยดีนะครับ  ไม่เผ็ดมากครับ  รับประทานกันผักสดๆที่แนมมาให้ กระดูกอ่อนต้มเค็ม


เมนูนี้ก็เป็นเมนูสูตรเฉพาะของ  ร้าน  บ้าน – น้ำ - จันทร์  by  คุณาวุฒิ  ครับ  เป็นเมนูที่ถูกปากเจ้าของบล็อกซะด้วยครับ  กระดูกหมูอ่อนๆ  ต้มจนเปื่อย  รสเค็มๆ  หวานนิดๆ  นอกจากจะมาตัดรสของน้ำพริกบ้าน – น้ำ - จันทร์  เมนูที่แล้ว  ยังเอามาคลุกข้าวสวยร้อนๆก็ฟินสุดๆครับ

ต้องบอกก่อนว่าร้านอาหารที่พามาชิมในวันนี้อาหารไม่ได้รับรางวัลมิชิลิน  ไม่อร่อยเวอร์จนต้องถ่อมากินให้ได้  ร้านไม่ได้สวยเวอร์วังประหนึ่งหลุดออกมาจากหนังสือบ้านและสวนหรือหนังสือสถาปนิก



แต่วันนี้จะพามากินของกินเล่นที่แทบทุกคนจะต้องเคยกินตอนเด็กๆ  ในร้านที่เป็นเรือนแพหลังแทบจะสุดท้ายของอำเภอเมืองฉะเชิงเทรากันครับ



ได้มีโอกาสจัดทริปไปไหว้พระที่แปดริ้ว  ตอนที่หาข้อมูลและเส้นทางของวัดที่จะไปทำบุญก็เผอิญไปเจอรีวิว  ร้านปังเย็น   แพวัดแหลมใต้  ฉะเชิงเทรา  เข้า  ก็คิดเอาไว้เลยว่าจะต้องไปร้านนี้ให้ได้เลย



ร้านปังเย็น   แพวัดแหลมใต้  ฉะเชิงเทรา  อยู่ในเรือนแพที่ลอยอยู่ในแม่น้ำบางปะกงหน้าวัดแหลมใต้    ตำบลหน้าเมือง  อำเภอเมือง  จังหวัดฉะเชิงเทรา  .....  การเดินทางไป  วัดแหลมใต้  จังหวัดฉะเชิงเทรา  แนะนำว่า  “ให้ตั้ง  GPS  หรือ  Google  Map  เอาเถอะครับ”  เพราะทางไปค่อนข้างซอกแซก  จะหลงเอาง่ายๆ  แล้วจะหมดอารมณ์กินขนมนะครับ



พอมาถึง  วัดแหลมใต้  จังหวัดฉะเชิงเทรา  ให้เดินตรงไปที่ท่าน้ำริมแม่น้ำบางปะกงครับ  จะเห็นเรือแพนหลังนึงลอยเด่นเป็นสง่าอยู่  เดินข้ามสะพานไม้ยวบๆไปก็จะถึง  ร้านปังเย็น   แพวัดแหลมใต้  ฉะเชิงเทรา  ครับ



ถ้าถามว่าชื่อร้านเต็มๆคือชื่ออะไร  ......  ตอบว่า  “ไม่แน่ใจครับ”  เพราะบางเวบก็บอกว่าชื่อร้าน  “เจ๊อึ่ง”  บางเพจก็จะบอกว่าเป็นร้านอาหารตามสั่ง  แต่ถ้า  search  คำว่า  “ปังเย็น”  หรือ  “อาหารตามสั่ง”  และ  “วัดแหลมใต้”  รับรองว่าผลการค้นหาคือร้านนี้แน่นวลครับ




เมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้  บริเวณท่าน้ำวัดแหลมใต้  จังหวัดฉะเชิงเทรา  และบริเวณใกล้เคียง จะคึกคักมากกว่านี้เยอะครับ  เนื่องจากเป็นท่าเรือใหญ่  มีเรือนแพจอดอยู่เป็นสิบๆหลัง   เมื่อการคมนาคมทางถนนเจริญขึ้น  ท่าเรือขนส่งสินค้าก็ค่อยๆลดความสำคัญลง  จนเดี๋ยวนี้ไม่เหลือร่องรอยของความคึกคักเลยครับ  มีแต่ความสงบเงียบ  ได้ยินเสียงน้ำกระทบกับแพไม้ไผ่และเสียงลมแม่น้ำที่พัดมาตลอดเวลา



เจ้าของบล็อกแวะที่  ร้านปังเย็น   แพวัดแหลมใต้  ฉะเชิงเทรา  ตอนสายๆ  เลยได้กินแต่  ปังเย็น  เท่านั้นครับ  อย่างที่บอกไปตอนต้นครับ  ร้านปังเย็น   แพวัดแหลมใต้  ฉะเชิงเทรา  เป็นร้านอาหารตามสั่ง  เพราะฉะนั้น  สั่งอะไรก็ได้  .... ถ้าไม่สั่งก็ไม่ได้  ฮ่าๆๆๆ



ปังเย็น  ราดน้ำเขียว  กับ  น้ำแดง  กินแล้วคิดถึงตอนเด็กๆเลยครับ  ขนมปังกะโหลก  ที่มีความหยาบๆของเนื้อขนมปัง  ราดน้าหวานโชกๆ  โปะน้ำแข็งไส  ราดทับด้วยนมข้นหวาน  ....  เป็นรสชาติที่ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆเลยครับ  ......



ถ้าเป็นไปได้นะครับ  อยากให้แวะมาวันธรรมดาที่ไม่ตรงกับมื้ออาหารครับ  เพราะที่  ร้านปังเย็น   แพวัดแหลมใต้  ฉะเชิงเทรา  มีพื้นที่น้อย  ค่อนข้างคับแคบ  วันธรรมดาที่ไม่ตรงกับมื้ออาหารคนจะน้อย  ไม่มีคนต่อคิว  .....  จะได้นั่งทานอาหารตามสั่ง  ทานปังเย็น  แล้วทอดสายตาข้ามแม่น้ำบางปะกงไปไกลๆ  รับลมแม่น้ำที่พัดมาเย็นๆ  ได้ยินเสียงคลื่นแม่น้ำลูกเล็กๆ  ใหญ่ๆ  ตีกับท้องแพ  เสียงดัง “แประๆๆ”  ....... เจ้าของบล็อกเชื่อนะครับว่า  “อาหารมื้อนั้นที่   ร้านปังเย็น   แพวัดแหลมใต้  ฉะเชิงเทรา  จะต้องเป็นมื้ออาหารที่อร่อยตา  อร่อยหู  และอร่อยปาก  ที่สุดครับ”   

สวัสดีค่าาา



สำหรับวันนี้จะพาไปกินบุฟเฟต์อีกร้านที่ชอบมาก และเวลามีเพื่อนสายปิ้งย่างที่กินเนื้อวัวได้ให้แนะนำ ก็จะแนะนำให้ไปร้านนี้ตลอดค่ะ นั่นก็คือร้าน Tora Yakiniku นั่นเอง ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีสองสาขาด้วยกันนะคะ คือ สาขาลาซาลอเวนิว และสาขากัลปพฤกษ์ค่ะ แต่วันนี้จะพาไปกินที่สาขากัลปพฤกษ์นะคะ


สำหรับพิกัดร้าน เราใช้ google map เหมือนเดิมค่ะ พิกัดตรงอยู่นะคะ โดยจะมีที่จอดรถของคอมมูนิตี้ที่นี่ตรงหน้าร้านเลยค่ะ วันนั้นไปวันธรรมดา ที่จอดรถหาง่ายเลยค่ะ หรือใครต้องการถามทาง โทร.สอบถามได้ที่เบอร์ 090 986 2996




ลักษณะของร้านสาขานี้จะเป็นอาคารพาณิชย์สองห้องนะคะ ตามภาพเลยค่ะ อย่างที่บอกว่าเราไปช่วงกลางวันวันธรรมดา คนเลยโล่งๆ นะคะ
ที่ร้านจะมีน้ำจิ้มให้สามแบบนะคะ สำหรับเราที่เน้นกินเนื้อ ไม่สนใจซีฟู้ด ก็จะกินน้ำจิ้มขวดซ้ายอย่างเดียว พร้อมกับขอพริกและกระเทียมมาด้วยค่ะ (ติดรสจัดจริงๆ ค่ะ แหะๆ)
โดยที่มากินรอบนี้ ก็เนื่องด้วยทางร้านจัดราคาใหม่เป็นระดับ Elite ค่ะ (ซึ่งตอนก่อนหน้านี้เราว่าตัวท็อปสุดของเขาคือ Grand ก็ดีงามมากแล้วนะคะ แต่พอไปกินอีลิทนี่ยิ่งแบบบบบบ...คือดือออออ) เพื่อฉลองการครบรอบ 6 ปีของร้านนั่นเองค่ะ เพราะงั้นเผื่อสายเนื้อ+บุฟเฟต์คนไหนต้องการหาร้านฉลองปีใหม่ ก็แนะนำให้ลองไปโดนที่ร้านนี้กันนะคะ


กล่าวคือ ปัจจุบัน ราคาบุฟเฟต์ของร้านนี้ จะมีด้วยกันสี่ราคาคือ

599++ / 999++ / 1299++ / 1799++ (อีลิทตัวใหม่)

โดยจะสามารถรับประทานอาหารได้ 2 ชม. และสั่งอาหารได้ 1.45 ชั่วโมงค่ะ
ทั้งนี้สำหรับราคาอีลิทจะมีเมนูมาเพิ่มได้แก่  เนื้อวากิว A4 และ F1, เนื้อออสเตรเลีย marbling score 8/9, หมูดำ Kagoshima (ใครไม่กินเนื้อ แต่กินหมูได้ก็ดีงามมากค่ะ) ซูชิ 4 King ฟัวกราส์ Lobster miso โทระไคเซกิเซ็ต และ ของหวานอีก 5 เมนูซึ่งมี Cold Brew Bubble ที่มีกิมมิคให้ถ่ายวีดิโอลงไอจี/เฟซกันได้ด้วยค่ะ แฮร่...

แน่นอนว่าสายเนื้ออย่างเรา ขอเริ่มต้นด้วยเนื้อวัวก่อนเลยนะคะ อีลิทจะมีเนื้อญี่ปุ่นเพิ่มมา 2 และออสเตรเลียอีก 2 ค่ะ

1.4 Japanese Wagyu Beef เนื้อวากิวญี่ปุ่น A4

เนื้อส่วน Chuck Rib (เนื้อส่วนซี่โครง) ระดับ A4 จากญี่ปุ่น เป็นส่วนที่มีไขมันแทรกลายหินอ่อน ได้รับรางวัลเหรียญทองในการประกวด วัววากิวระดับชาติ ครั้งที่ 11 ปี 2017 ประเทศญี่ปุ่น เนื้อส่วนนี้จะมีไขมันเยอะที่สุดในบรรดาเนื้อ 4 แบบที่เพิ่มขึ้นมาค่ะ ซึ่งเราชอบมาก ละลายมาก นุ่มฟินปากสุดๆ เลยค่ะ 2. F1 Japanese Wagyu Super Karubi เนื้อวากิวญี่ปุ่น F1 ซุปเปอร์คารุบิ

เนื้อ F1 เป็นลายหินอ่อนเช่นกัน แต่มีปริมาณไขมันแทรกกำลังดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป  F1 Wagyu คือเนื้อวากิวขนดำ ผสมกับ วากิวสายพันธุ์ท้องถิ่น ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่น กลิ่นเนื้อหอมชัดเจน นุ่มกำลังดี แต่ยังมีความเป็นเนื้อมากกว่าตัวแรกนะคะ อร่อยอีกเช่นกัน เนื้อสองตัวของญี่ปุ่นที่เพิ่มมานี่เราชอบมากทั้งสองตัวเลยนะคะ ดีงามมากๆ อ้ะ คือ ตอนกินตัวแกรนด์ก็ว่าดีงามแล้ว เจอตัวเนื้อของอีลิทเข้าไปนี่ ลืมแกรนด์ไปเลยค่ะ แหะๆ
3. Australian Wagyu Marbling Score 8/9

เนื้อวากิวออสเตรเลีย เกรด 8/9 มีมันแทรกในเนื้อค่อนข้างเยอะ ตัวกลิ่น รส และเทกซเจอร์จะแตกต่างจากญี่ปุ่นนะคะ แต่ก็อร่อยมากเช่นกัน ใครที่ไม่ได้ติดเฉพาะเนื้อญี่ปุ่น แต่ชอบกินเนื้อที่มีเทกซเจอร์เคี้ยวได้เด้งสู้ฟันมากกว่า กลิ่นจะเป็นอีกแบบ แต่ไม่เหนียวนะคะ ก็ลองกินตัวนี้ได้ค่ะ เราชอบเช่นกัน 555




4. Wagyu Jyou Zabuton เนื้อวากิวออสเตรเลียโจซาบูตง

เป็นเนื้อส่วนสันคอ ที่จะตัดแต่งเอาเฉพาะช่วงแกนกลางมาใช้ เป็นเนื้อที่ไม่ได้มีไขมันแทรกเยอะเหมือนกับสามตัวก่อนหน้า แต่ลายก็ยังงดงามอยู่นะคะ มีเทกซเจอร์ให้เคี้ยวมันฟันที่สุดในบรรดาเนื้อสี่ตัวที่เพิ่มมาของอีลิทค่ะ เนื้อนุ่ม ได้รสชาติเนื้อเต็มๆ ใครเลี่ยนมันในเนื้อ แนะนำให้กินตัวนี้แทรกๆ ไปนะคะ


ส่วนตัวแกรนด์ก็จะมีเนื้อสี่ตัวนี้ (ซึ่งสำหรับเราก็เทพและฟินแล้วนะคะ) นั่นก็คือ Wagyu Misuji, Wagyu Jyou Karubi, Wagyu Jyou Rosu, และ US Choice Short Plate ค่ะ ดูลาย ดูล้ายยยยย มันดืออออแล้วจริงๆ (แต่อีลิทก็ดือออออยิ่งไปใหญ่ค่ะ 555)
ต่อไปมาดูสำหรับคนที่ไม่กินเนื้อกันบ้างว่า เมื่อจ่ายเพิ่มสำหรับอีลิทแต่ไม่กินเนื้อ มีเมนูอะไรเพิ่มให้นะคะ มาดูกันนนนน

1. Kagoshima Pork หมูดำคาโกจิม่า

เนื้อส่วน Bostan Butt หรือไหล่ด้านบน เป็นหมูดำที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในญี่ปุ่น หาทานได้ยากในไทย หมูจะถูกเลี้ยงด้วยมันหวานของเมืองคาโกชิม่า  เนื้อหมูที่ได้มีไขมันแทรกอยู่ เวลาย่างแล้วจึงนุ่ม หอมค่ะ
2. Tora Kojibuta Set เนื้อหมูโคจิบูตะหมักซอส

เนื้อหมูโคจิบูตะ หมักซอส 3 สไตล์ ได้แก่ ซอสหม่าล่า มีรสเผ็ดนิด ๆ หอมกลิ่นพริกยูนนาน, ซอสไซเคียวฟัวกราส์ ครีมมี, และซอสเห็ดทรัฟเฟิล กลิ่นหอมโดดเด่น ตัวนี้ให้รสชาติที่แตกต่างกันไปแต่ละอย่างเลยนะคะ

วันนั้นเราไม่ได้แตะเนื้อหมูเลย แต่พี่อีกคนที่กินเนื้อไม่ได้นี่ฟินสุดๆ ค่ะ ่ปลาบปลื้ม ชมแล้วชมอีก 555


ต่อไปมาดูที่เมนูอื่นๆ ของอีลิทที่ได้เพิ่มมาอีกกันต่อนะคะ เริ่มด้วยไซด์ดิชนะคะกับ Tora Kaiseki Set ชุดอาหารญี่ปุ่นไคเซกิ

Kaiseki ไคเซกิ คือการเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดยใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อให้ได้สัมผัสอาหารที่รสชาติดีที่สุดของวัตถุดิบตามฤดูกาล  สำหรับช่วงนี้ ร้านโทระ ยากินิคุ เสิร์ฟเซ็ทอาหาร 4 อย่าง ดังนี้ 
    หนังปลาแซลมอนทอด ทอดมากรอบๆ แนะนำให้รีบกินทันทีที่เสิร์ฟนะคะ เพราะถ้าทิ้งไว้ซักพัก ความกรอบจะหายไปค่ะ     สาหร่ายโมโซกุ ยูซุ  สาหร่ายลื่นเด้ง หอมยูซุ กินแล้วสดชื่นและแก้เลี่ยนได้ดีมากค่ะ     เต้าหู้เย็น ซอสขิง ได้รสชาติและกลิ่นที่ช่วยแก้เลี่ยนจากจานเนื้ออีกเช่นกันค่ะ     หนวดหมึกทาโกะต้มซีอิ๊ว หมึกไม่เหนียว เด้งกำลังดี เจือเค็มนิดๆ แก้เลี่ยนได้ดีอีกเช่นกันค่ะ
ต่อไปมาที่หมวดซูชิ ซาชิมิกันบ้างนะคะ
4 King Gunkan

กุนกัง ปกติหมายถึง ข้าวห่อสาหร่ายพร้อม toppings ต่าง ๆ แต่สำหรับ Four-King Gunkan ของที่ร้านนี้คือ ข้าวซูชิพันด้วย เอ็นกาวะ ด้านบนท็อปด้วย ปลาไหลย่างซีอิ๊ว, ฟัวกราส์, และลัมฟิชคาเวียร์ ใส่ซอสไซเคียวสูตรพิเศษ ตกแต่งด้วยทองคำเปลว

ตัวนี้คือดีมากกกกกก คอมบิเนชั่นดีค่อดค่ะ รสเข้ากันพอดี อร่อยมาก หอม รสชาติของแต่ละตัวมาเต็มๆ แต่ไม่ตีกัน อร่อยมากค่ะ



Volcano Gunkan

โรลที่พันรอบข้าวซูชิด้วยเอ็นกาวะ ราดด้วยซอสเมนไตโกะ ด้านบนท็อปด้วยแซลมอนซาชิมิหั่นเต๋า และ โฮตาเตะหั่นเต๋า เทกซเจอร์ตัวนี้จะนุ่มๆ และรสโดยรวมจะมีความละมุนไปอีกแบบนะคะ จะคนละแบบกับตัวโฟร์คิง ตัวโฟร์คิงจะออกแนวมาเต็มแบบเพลงร็อค ต่อยเข้าเป้า แต่ตัวนี้จะมาแบบเพลงแจ๊สค่ะ ละมุน เบาๆ กลมกล่อมๆ แฮร่...



Engawa Hotate Spicy Yuzu

โรลเอ็นกาวะคล้าย Volcano Gunkan ท็อปปิ้งด้วยหอยเชลล์ hotate ไข่ปลาแซลมอนและยูซุ ราดด้วยซอสสไปซีมาโย ตัวนี้จะได้ความสดชื่นจากยูสุและเจือเผ็ดนิดๆ จากซอสสไปซี่นะคะ ตัวนี้ก็อร่อยค่ะ เราชอบเช่นกัน ตัวซูชิของอีลิทคือดีทุกตัวเลยค่ะ



Edomae Hotate Yaki

โฮตาเตะย่างด้วยซอส ponzu ผสม ยูซุ โรยด้วยงา 5 สี เสิร์ฟบนสาหร่ายค่ะ ตัวนี้ต้องรีบกินก่อนสาหร่ายจะไม่กรอบเช่นกันนะคะ เพราะถ้าทิ้งโดนลมนาน สาหร่ายจะเหนียวอะเนอะ ต่อไปจะเป็นหมวดซูชิที่เราไม่ได้กินนะคะ เพราะไม่ไหวแล้ววว เยอะเกิ๊น ขนาดกินเฉพาะของอีลิทนะคะ แต่ชิมไม่ครบจริงๆ ค่ะ


Hotate Saikyo Foie Gras Karasumi โฮตาเตะ ไซเคียวฟัวกราส์ คาราสุมิ

โฮตาเตะย่างด้วยซอสไซเคียวฟัวกราส์ ท็อปด้วยคาราสุมิ หรือ ไข่ปลากระบอกตากแห้ง เป็นของหายากที่มักจะเสิร์ฟในร้านสไตล์ omakase 
Aka Ebi Karasumi

ซูชิอากะเอบิ คาราสุมิ ไข่ปลากระบอกตากแห้ง


Aka Ebi Truffle & Caviar
ซูชิอากะเอบิ ซอสทรัฟเฟิลและลัมฟิชคาเวียร์

ต่อไปเป็นเมนูที่มีสำหรับอีลิทเช่นเดียวกันนะคะ กับเมนูนี้ค่ะ

Lobster Miso Hotate & Caviar
มันกุ้งล็อบสเตอร์ย่าง โฮตาเตะ ท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ คือ มันกุ้งอร่อย ได้ความสดเด้งของโฮตาเตะ มีรสเจือเค็มมันจากไข่ปลาคาเวียร์ อร่อยดีค่ะ


Lobster Miso Akaebi

มันกุ้งล็อบสเตอร์ย่าง กุ้งอากะเอบิ ถ้าเทียบสองตัว เราชอบตัวแรกมากกว่านะคะ อาจจะเพราะเป็นคนไม่ชอบกินกุ้งดิบ แหะๆ

ต่อไปเป็นหมวดของของหวานนะคะ มีเมนูของแกรนด์ที่ตอนเรากินล่าสุดยังไม่มี แล้วมีมาเพิ่มค่ะ ขอเริ่มที่เมนูของหวานอันใหม่ของแกรนด์ก่อนละกันนะคะ

โมจิหยดน้ำ ทำจากน้ำ น้ำตาลและผงวุ้น ของร้านนี้ไม่ได้นิ่มเหลวเกินไปเหมือนบางร้าน แต่ก็ไม่ได้แข็งแบบวุ้นปกติทั่วไปนะคะ มีเทกซเจอร์กำลังดี อร่อยค่ะ ตัวน้ำเชื่อมคุโรมิสึร้านนี้ก็หวานหอมกำลังดีค่ะ ผงคินาโกะก็ไม่เฝื่อนเหมือนบางร้านเช่นกันค่ะ ตัวนี้กินเพลินมาก
อีกตัวที่อยากให้สั่งกัน สำหรับใครที่อยากกินของหวาน แต่ไม่ได้ต้องการของหวานที่มีรสหวาน 555 ตัวนี้สำหรับคนที่กินพรีเมี่ยมก็สั่งได้แล้วค่ะ


Ume Golden Jelly

เจลลีบ๊วย จะเป็นรสชาติเค็ม เปรี้ยว เจือหวานนิดหน่อย หอม สดชื่น แก้เลี่ยนดีมากกกกกกค่ะ
โอเค ต่อไปมาต่อกันที่เมนูของหวานสำหรับอีลิทบ้าง ซึ่งเมนูต่อไปนี้ เลือกได้แค่ท่านละ 1 เท่านั้นนะคะ ได้แก่

1. Cold Brew Bubble

กาแฟสกัดเย็น Medium Roast เสิร์ฟแบบเย็น พร้อมด้วย gimmick ที่พนักงานจะมาทำ smoke bubble ให้ที่โต๊ะด้วย flavor blaster เทคนิคการเป่าบับเบิ้ล บนกาแฟ ด้านในมีควันกลิ่น citrus ถ่ายรูปเสร็จ เอาจมูกแตะเบา ๆ ควันก็จะกระจายออกมาค่ะ (กรุณาทำหน้าละมุนตลอดเวฯ นะคะ จะทำให้รูปออกมาเข้ากับควันที่ออกมาจากบับเบิ้ลค่ะ) ตัวกาแฟจะมีความเจือหวานหน่อยๆ
2. Homemade Croffle

ครอฟเฟิล คือ ครัวซองต์ที่นำมาอบในเครื่องวาฟเฟิล  เสิร์ฟพร้อมวิปครีมสด และน้ำผึ้งค่ะ ตัวนี้ไม่ได้ลองนะคะ แต่เพื่อนที่ไปด้วยกันคือชอบมากๆ
3. Traditional Japanese Dessert Set เป็นอีกตัวที่ไม่ได้ชิมนะคะ แต่เอาหน้าตากับรายละเอียดมาให้ดูค่ะ อันนี้ให้เพื่อนอีกโต๊ะกินไปค่ะ

เซ็ตขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ประกอบด้วยเมนูขนม 4 ชนิด

    Sakura Jelly เจลลีซากุระ รสหวานน้อยที่สุด     Warabi Mochi โมจิหนึบ ๆ หวานขึ้นอีกนิดนึง     Kokuto Tofu Pudding พุดดิ้งเต้าหู้ ซอสโคคุโตะ กลิ่นเต้าหู้หอม น้ำเชื่อมก็มีความเป็นญี่ปุ่น     Yuzu Shiratama ด้านในเป็นถั่วบด เคลือบด้วยโมจิหนึบ ๆ หอมกลิ่นยูซุ หวานขึ้นอีกหน่อย

4. มัชชะเซเรโมนีเซ็ต เป็นอีกตัวของอีลิทที่ได้กินค่ะ ตัวชาเขียวในถ้วยจะใส่ผงมาก่อนแล้วก็มีน้ำร้อนแยกกระติกมาให้ค่ะ สามารถให้พนักงานมาคน/ชงให้หรือว่าเราจะชงเองก็ได้ค่ะ

ตัวนี้ตัวชาเขียวเข้มข้นมากกกกกก ราวกับกินที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ เข้ม ขมเลย แต่พอกินกับขนมที่มาด้วยกันก็จะพอดีมากๆ ค่ะ ใครชอบชาเขียวสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ควรโดนนะคะ
5. ซิกเนเจอร์มัชชะเทอร์รีน ตัวนี้ไม่ได้กินค่ะ เพื่อนอีกโต๊ะกินนะคะ ให้ดูหน้าตาละกันเนาะ

สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ

เชียร์อย่างยิ่งสำหรับสายเนื้อและชอบกินปิ้งย่าง เนื้อคือดือออออมากมาย ถ้ามีงบก็เชียร์ให้กินอีลิทค่ะ ถ้ามีงบน้อยลงมาอีกนิด ตัวแกรนด์ก็ดีงามมาก (ตามที่เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้นะคะ) แถมที่เราชอบมากคือ ทั้งตัวเครื่องดื่มและขนมคือดือออออ (หลายร้านที่ของคาวดี แต่ของหวานดร็อป แต่ร้านนี้คือดีทั้งคาวหวาน) เหมาะที่จะไปกินเป็นมื้อฉลองโอกาสพิเศษที่อยากได้อาหารอร่อยๆ กินได้เยอะๆ แบบจุกๆ นะคะ

บรรยากาศร้านราเมงญี่ปุ่นริมถนนที่เรียบง่ายเป็นกันเอง
แนะนำนั่งริมด้านซ้ายสุด ลมมาผ้าใบไม่ตีหัว อากาศไม่อบเท่าไหร่นัก
ราเมงโดยรวมทำได้ดี ส่วนเมนูอื่นยังไม่โดนใจ

Review : https://www.reviewnowz.com/ebisu-ramen-japanese-restaurant-bang-wa-bangkok/

ร้าน  On  the river café  ปทุมธานี  เป็นร้านกาแฟของร้านบ้านเหนือน้ำ  ตั้งอยู่ภายในร้านอาหารบ้านเหนือน้ำ  ถนนเกรยาวัฒนะ ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี  


เราต้องเดินผ่านร้านบ้านเหนือน้ำไปที่ท่าเรือครับ  ร้าน  On  the river café  ปทุมธานี  อยู่ในเรือลำใหญ่ที่จอดลอยลำอยู่ที่ท่าน้ำของร้านบ้านเหนือน้ำครับ


ร้าน  On  the river café  ปทุมธานี  จะให้บริการทั้งส่วนที่เป็น  open  air  และส่วนที่เป็นห้องปรับอากาศครับ  แต่ส่วนที่เป็นห้องปรับอากาศจะคับแคบนิดนึงครับ  เพราะเป็นทั้งส่วนที่เป็นที่ประกอบอาหาร  เค้าเตอรฺรับออร์เดอร์  และลูกค้าจะชอบนั่งในส่วนนี้มากที่สุด  เจ้าของบล็อกชอบที่จะนั่งด้านนอกห้องแอร์มากกว่าครับ  เพราะโล่ง  โปร่ง  สบาย  ที่สำคัญมีลมแม่น้ำพัดมาเอื่อยๆ  ไม่รู้สึกว่าร้อนเลยครับ


สั่งเครื่องดื่มมา  2  ชนิด


Affogato  

เป็น  hot  espresso  shot  แยกมา  เสิร์ฟกับ  ไอสครีมวนิลลา  เวลาจะทานก็เอา  hot  espresso  shot  เทลงไปผสมกับไอศครีมวนิลลาครับ


ไอศกรีมจะเย็นๆ  หวานๆ  มันๆ  ผสมกับ  espresso  shot  ที่เข้มข้น  แล้วไอศกรีมจะละลายน้อยๆ  ได้ทั้งความหอม  หวาน  เย็น  ชื่นใจ  แล้วจะได้ฤทธิ์ของ  hot  espresso  shot   ที่เข้มข้นด้วยครับ



เครื่องดื่มอีกแก้วจำไม่ได้แล้วว่าสั่งอะไร  แต่น่าจะเป็นแนวๆเบอร์รี่ปั่นนะครับ

สั่งขนมมา  2  ชิ้น  


เค้กชาไทยหน้านิ่ม


อันนี้ชอบครับ  ได้รสชาไทยเต็มที่ครับ  ไม่หวานเลี่ยน  แต่รสเข้มข้น  ติดเฝื่อนๆลิ้นนิดนึงตามรสชองชาไทยครับ


อีกชิ้นเป็น  Red  Velvet

ครีมชีสที่แต่หน้าอร่อยครับ  ออกมันๆ  เค็มนิดๆ แต่รู้สึกเบาๆกว่าครีมชีสทั่วไปนะครับ



ร้าน  On  the river café  ปทุมธานี  เป็นร้านกาแฟที่เหมาะสำหรับจะไปนั่งปล่อยอารมณ์ริมน้ำนะครับ  แต่อย่าไปวันหยุดนะครับ  อาจจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์เสียได้  เพราะคนเยอะมากครับ

หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับการให้บริการของ ชาบูชิ สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ กันบ้างแล้ว แต่ตอนนี้เค้ามีบริการรูปแบบใหม่ให้เราตื่นเต้นกว่าเดิมนั่นก็คือ บุฟเฟต์หลากหลาย มีให้เลือกถึง 3 แบบ 3 ระดับราคานั่นเอง

โดยบุฟเฟต์ 3 ระดับราคานั้นจะเริ่มจากระดับ
“GOLD Buffet” 429.- ทานได้ไม่อั้นเหมือนเดิมกับเมนูมาตรฐานอย่าง ชาบู-ชาบู ซูชิ ฯลฯ 
ตามมาด้วย “PLATINUM Buffet” 599.- นอกจากเมนูมาตรฐานทั่วไปแล้ว ยังมีเมนูเอาใจคอเนื้อ ทั้งเนื้อกาตะ บาระ, เนื้อกาตะ โรซึ, ซูชิเนื้อกาตะ บาระ นอกจากนี้ยังมีพรีเมียมเบคอนคูโรบูตะ, พรีเมียมสันคอคูโรบูตะ อีกด้วยนะ

สุดท้ายกับ “PLATINUM SEAFOOD Buffet” 699.- ที่นอกจากจะทานได้ทั้งเมนูมาตรฐาน และเนื้อพรีเมียมต่าง ๆ  แล้ว เราก็ยังจะได้ฟินขั้นสุดกับเมนูซีฟู้ดอย่าง แซลมอนสไลซ์, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, และ กุ้งแม่น้ำ ได้แบบจัดเต็มอีกด้วย
มาทั้งทีก็ขอแบบจัดเต็ม วันนี้เราเลือกแบบขั้นสุด “PLATINUM SEAFOOD Buffet” 699.- ค่ะ เมื่อแจ้งกับทางพนักงานว่าจะทานแบบ PLATINUM SEAFOOD Buffet แล้ว เค้าก็จะมีป้ายแบบนี้มาตั้งให้ที่โต๊ะ โดยเราสามารถแจ้งขอเมนูที่อยู่บนป้ายกับพนักงานได้เลย แล้วเค้าก็จะมาเสิร์ฟให้ค่า

ขอแวะไปตักซูชิกับของกินเล่นอื่น ๆ ก่อน จะได้นั่งทานแบบยาว ๆ  *โดยทางร้านเน้นย้ำว่า ต้องสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือพลาสติกเวลาตักอาหารเสมอ* ไปตักซูชิแป๊บเดียว มาถึงก็อย่างที่เห็น เมนูที่สั่งไว้มาเต็มโต๊ะเลย มาเริ่มทานกันค่า เราขอเริ่มที่เมนูซีฟู้ดก่อนนะคะ
#กุ้งแม่น้ำ สด ๆ ตัวโต ๆ ที่บางตัวตรงส่วนหัวกุ้งมีมันกุ้งคือฟินนนน #แซลมอนสไลซ์ คนรักปลาแซลมอนต้องเลิฟ เพราะทานได้แบบไม่อั้น !!!

#หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ตัวโต เนื้อแน่น ไม่คาวด้วย

จบจากซีฟู้ดแล้ว ก็ขอเอาใจสายเนื้อนิสนึง โชว์เนื้อให้เห็นกันชัด ๆ กันเลย #เนื้อกาตะ บาระ (เนื้อส่วนพื้นท้อง) ใครชอบแบบติดมันนิด ๆ ชอบแน่นอนค่า #เนื้อกาตะ โรซึ (เนื้อส่วนสันคอ) ชิ้นใหญ่มาก เนื้อแน่น ๆ เต็ม ๆ คำ #ซูชิเนื้อกาตะ บาระ อร่อยกับเนื้อแบบเต็ม ๆ คำ ข้าวก้อนนิดนึง ส่วนตัวเราว่าซอสหวานไปหน่อย แต่โดยรวมอร่อยค่า

สายหมูอย่าน้อยใจไป เราพามาแนะนำต่อแล้ว #พรีเมียมเบคอนคูโรบูตะ ตัวเบคอนจะเนื้อแน่นและมีความหนึบ ๆ กว่าเบคอนทั่วไป #พรีเมียมสันคอคูโรบูตะ สไลซ์มาแบบไม่หนา ไม่บางจนเกินไป เนื้อแน่นกำลังดี ทานเพลิน ๆ แป๊บเดียวหมดจาน

จัดหนักกับชาบูไปแล้วขอปิดท้ายด้วย  #ไอศกรีม ซอฟต์เสิร์ฟ ฮอกไกโด มิลค์ ที่ยังคงหอมนม นุ่ม ละมุนลิ้นเหมือนเดิม ถ้วยเดียวไม่เคยพอ และสำหรับใครที่ห่วงเรื่องมาตรการความสะอาดปลอดภัย บอกเลยว่าหายห่วงค่ะ เพราะที่ร้านเค้ามีมาตรการตั้งแต่ก่อนเข้าร้าน ไปจนถึงด้านในร้าน  ที่จัดเตรียมสเปรย์แอลกอฮอล์และถุงมือให้ตรงบริเวณที่ตักซูชิ ส่วนภาชนะก็ใส่ซีลมาให้แบบเรียบร้อย แยกให้อย่างชัดเจน

สรุปความประทับใจในชาบูมื้อนี้
สำหรับเรา เราว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปค่ะ เพราะแทบจะไม่ได้หยิบเมนูเนื้ออื่น ๆ บนสายพานเลย จัดแต่ของแพลทินั่มไปแบบเน้น ๆ  หยิบแต่ผักเป็นส่วนใหญ่ และหวังว่าจะได้กลับมาใช้บริการที่ชาบูชิอีกในเร็ว ๆ นี้ ขอให้สถานการณ์ดีขึ้นในเร็ววัน เพราะอยากตี้ชาบูแบบรวมกลุ่มแล้วค่า

หมายเหตุนิดหนึ่งว่า รีวิวนี้ถ่ายตั้งแต่ 23 เม.ย. 64 แล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสได้ลงค่ะ

ประเดิมรีวิวด้วยการพาไปหม่ำอาหารอินเดียเจ้าโปรด ที่เพิ่งเปิดสาขาใหม่นะคะ กับร้าน Indian Food Wala เจริญนคร 16 นั่นเองหละค่าาา


โดยเหตุของการมีสาขานี้นี่มันยาวค่ะ เอาเป็นว่าไปๆ มาๆ พี่ตาต้องเปิดสาขานี้ใกล้กับสาขาเจริญนคร 17 โดยตกกระไดพลอยโจนแล้วกันนะคะ
 
แต่ข้อดีมากๆ ของสาขานี้คือ เราสามารถจอดรถที่เสนาเฟสได้ค่ะ จอดแล้วเดินออกจากเสนาเฟสมาทางถนนเจริญนคร เลี้ยวซ้ายเดินไปไม่ถึง 1 นาทีค่ะ ถึงแล้ว ราวสัก 30-40 ก้าวได้ 555 ร้านจะอยู่ก่อนถึงซอยเจริญนคร 16 นะคะ ตามภาพเลยค่ะ
ภายในร้านกว้างขวางพอควรและติดแอร์ทั้งหมดค่ะ เป็นห้องอาคารพาณิชย์สองคูหานะคะ มีมุมหนึ่งให้สามารถถ่ายรูปได้ด้วยค่ะ
มาดูเมนูของร้านนี้กันค่ะ โดยรวมก็ยังคงเมนูอร่อยๆ ของร้านนี้อยู่ แต่ที่ต่างก็คือ ร้านนี้จะมีความเน้นซีฟู้ดจากภาคใต้มากยิ่งขึ้นนะคะ (พี่ตาเป็นคนใต้ค่ะ)

ร้านนี้เปิด 10.00-23.00 น.ค่ะ เบอร์โทร.เผื่อจะถามทางหรือติดต่ออื่นๆ ก็ตามนี้เลยนะคะ

Pani Puri 60 B
ปานิ ปุริ 


วิธีกินคือ เอาเจ้าลูกกลมๆ เนี่ยค่ะ ครึ่งฝา แล้วจากนั้นก็ตักมันฝรั่งผัดกับถั่วลูกไก่ตามด้วยซอสสะระแหน่และซอสมะขาม จะได้รสชาติหลากหลายและเทกซเจอร์ที่แตกต่างกัน ผสานกันค่ะ เรียกน้ำย่อยดีเลยค่ะเมนูนี้

 
ตัวนี้เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยเมนูใหม่นะคะ

ตอนเราไปกินยังไม่มีราคาค่ะ เดี๋ยวทราบแล้วจะมาอัพเดทชื่อ+ราคาใหม่อีกทีค่ะ


ข้างนอกเป็นแป้งทอดกรอบ ส่วนข้างในจะมีไส้ของหลายๆ วัตถุดิบตามภาพ เครื่องเทศเบาๆ กำลังดี กินเปล่าๆ ก็อร่อยนะคะ แต่ถ้าอยากได้รสเพิ่มก็จะกินกับซอสก็ได้ค่ะ


Chicken Malai 260 B
ไก่ย่างเม็ดมะม่วงหิมพานต์
 
เมนูนี้จะใช้เนื้อไก่ส่วนอกนะคะ นำไปหมัก แล้วก็ย่าง แต่ไม่ได้แห้งอย่างที่กลัวค่ะ ตอนแรกคิดว่าเป็นอกไก่จะแห้ง แต่กลับไม่แห้งแฮะ จะได้รสนุ่มๆ ละมุนๆ ครีมๆ หน่อยๆ ค่ะ ใครชอบอาหารรสออกแนวละมุน น่าจะชอบเมนูนี้นะคะ สำหรับเราเราว่าไม่เลี่ยนนะคะ แต่ถ้าใครกลัวเลี่ยน ชอบให้มีรสเปรี้ยวหน่อย ทางร้านมีแนมมะนาวมาให้ด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้บีบอ้ะ


เมนูต่อไปค่ะ


แกงมาซาล่าค่ะ ตัวนี้มีเนื้อสัตว์ให้เลือกหลากหลาย ราคาก็จะแตกต่างกันไปนะคะ รสเผ็ดปานกลางค่ะ แล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นหนึ่งเมนูอาหารอินเดียที่คนรู้จักกันดีหละค่ะ เราชอบอยู่อย่างคือ ร้านนี้ทำแกงจะไม่ได้ทำแบบเครื่องเทศโดดออกมาเหมือนร้านอื่นอะค่ะ ทำให้กินง่ายอ้ะ
อย่างวันนั้นที่สั่งมาจะเป็นแกงมาซาล่าปลาหมึก ด้านในจะมีไส้เนื้อไก่ด้วยค่ะ ตัวนี้ราคา 260 บาทนะคะ


ต่อไปเป็นเมนูที่กินที่ร้านนี้เป็นครั้งแรก และกรีดร้อง อร่อยมาก ขอซื้อกลับบ้านเลยค่ะ
 

Chicken Methi Malai 180 B
แกงไก่ครีมสีขาว
มีความหอมมัน ครีมมี่แต่ไม่เลี่ยน รสชาติจะออกหวานอ่อนๆ ไม่ใช่หวานน้ำตาลนะคะ แต่เป็นความหวานของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่หวานอ่อนๆ กำลังดี ตัวเนื้อไก่จะเป็นเนื้อไก่ทิกก้า มีความหอมนัว หอมนวล อร่อยค่ะ ชอบจริงๆ ค่ะเมนูนี้



Kadai Paneer 160 B
แกงชีสผัดใส่หอมใหญ่และพริกหวาน
 

 Kadai คือกระทะก้นลึกของอินเดีย Paneer คือ ชีส ในที่นี้หมายถึง cottage cheese นำมาผัดกับหอมใหญ่ พริกหวาน และเครื่องเทศต่าง ๆ ในกระทะก้นลึก ใช้ไฟแรง เป็นอีกเมนูที่คนชอบชีสน่าจะชอบกันค่ะ (แต่เราชอบแกงชีสอีกตัวมากกว่า 555) รสจะออกนวล แต่มีรสและกลิ่นเครื่องเทศด้วยนะคะ


Palak Paneer 160 B
แกงผักโขมใส่ชีส

ตอนเห็นชื่อผักโขมนี่กลัวๆ เลยค่ะ แต่พอกินแล้วนวลมากกกกก เป็นเมนูแกงชีสอันหนึ่งที่เราชอบนะคะ อร่อยอ่าา

Butter Chicken 170 B
แกงเนยไก่
เป็นแกงยอดฮิตของอาหารอินเดีย อารมณ์ประมาณใครกินอาหารไทยก็จะเริ่มด้วยต้มยำกุ้งงี้ค่ะ หอมนวลๆ กินง่าย ไม่เผ็ดค่ะ




Chicken 65  200 B
ไก่ซิกส์ตี้ไฟว์ 

เป็นการนำเนื้อไก่ไปทอดแล้วค่อยมาผัดกับพริกและเครื่องเทศอินเดีย รสจัดจ้าน ค่อนข้างเผ็ด เป็นเมนูใหม่ของที่ร้านค่ะ เมนูนี้เราชอบรสชาติของซอสผัดมากๆ รสเผ็ด เจือหวานนิดๆ แต่วันนั้นเสียดายเนื้อไก่แข็งไปนิดค่ะ แต่รสชาติคือโดนมากๆ

ส่วนที่มาของชื่อนี่ก็อปมาจากบล็อกบุ๊งนะคะ 555

แล้วทำไมถึงชื่อ Chicken 65 เมนูนี้ถูกคิดค้นโดย A. M. Buhari of the Buhari Hotel ในปี 1965 นั่นเอง

แต่ก็มีบางทฤษฎีบอกว่า เป็นเมนูที่ใช้ไก่อายุ 65 วันบ้างล่ะ หรือ ใส่พริก 65 เม็ดบ้างล่ะ



Clam curry 180 B
แกงอินเดียใส่หอยลาย
เมนูนี้คล้ายผัดหอยลายของไทยมากกกก มีใส่โหระพาด้วยค่ะ แต่รสจะไม่มีน้ำพริกเผาอะค่ะ
อีกหนึ่งแกงค่ะ ใครชอบกินเผ็ด เชียร์เจ้านี่นะคะ
 

Prawn Madras 280 B
แกงมาดราส ใส่พริกแห้งทอด กุ้งลายเสือ
Madras คือแกงที่เผ็ดที่สุดในบรรดาแกงทั้งหมด ใส่พริกแห้งทอดทำให้แกงนี้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ รสจะเผ็ดนำก่อนเลยค่ะ รสอื่นแทบโดนกลบหมด แต่กินแล้วกระตุ้นตุ่มรับรสดีมาก ตาตื่นเลยค่ะเมนูนี้ 555

ที่สำคัญ กุ้งใหญ่มากกกกก ใหญ่ไป๊ ใหญ่แต่ขายราคานี้อะค่ะ ตัวใหญ่กว่ามือเราอีกอ่าาา


ต่อไปเป็นเมนูแป้งบ้างนะคะ


การกินอาหารอินเดีย นอกจากข้าวแบบอินเดียพวก biryani ข้าวหมกต่างๆ แล้วก็ยังมีแป้งที่หลากหลายด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นนาน (ซึ่งมีทั้งนานเปล่า นานชีส นานกระเทียม ฯลฯ) โรตี พาราต้า จาปาตีค่ะ


เอาที่เราชอบสุดคือ ชีสนานค่ะ วันนั้นก็สั่งกลับบ้านค่ะ เอามาอุ่นในหม้ออบลมร้อน (แบบมีฟอยล์รอง) ก็ดีงามเลย อร่อยมากกก ชีสจัดเต็มมากค่ะ


ถ้านานชีสธรรมดาจะ 70 บาท

แต่ถ้าชีสมอสซาเรลล่ายืดๆ แบบนี้ก็ 100 บาทค่ะ แต่อร่อยทั้งคู่ค่ะ 5555 ใครชอบชีสสั่งนานชีสนี่โดนแน่นวลลลลค่ะ

ส่วนเจ้านี่คือนานเนยค่ะ 55 บาท

หอมเนย หนานุ่มค่ะ อร่อยเหมือนกันค่ะ



Lachha paratha 65 B
ลัชชาพาราธา

แป้งทอดในกระทะ ทำเป็นลายดอกไม้จากมุมบน กรอบกว่าแป้งนานนะคะตัวนี้ เพื่อนบุ๊งชอบมาก แต่เรายังชอบนานกว่าค่ะ มันนุ่มกว่า ชอบอะไรนุ่มๆ อ่าา

Puri 50 B
ปุริ

แป้งทอดแบบ deep-fried นะคะ มากินหลายรอบ เพิ่งได้กินเจ้านี่เหมือนกันค่ะ รสจะต่างไปจากแป้งตัวอื่นๆ มีความคล้ายโรตีค่ะ แต่จะบางๆ พองๆ กว่า ร้อนพอควรเลย ตอนมาแรกๆ นี่แตะไม่ได้เลยค่ะ แต่อร่อยดีนะคะ

สรุปนะคะ

 
สาขานี้จะแตกต่างแน่ๆ คือ มีหลายเมนูที่สาขาอื่น (แม้กระทั่งสาขาออริจินัลอย่างเจริญนคร 17) ไม่มีค่ะ ตัวรสชาติ สาขานี้จะเป็นสามีพี่ตากับพี่ชายอยู่เป็นหลัก แต่พี่ตาก็มาดูแลตลอดเหมือนกันนะคะ ถ้าใครอ่านรีวิวแล้วสนใจเมนูที่ไม่มีที่สาขาอื่นก็อยากให้ไปลองกันค่ะ

🎾 #一粒波碌去曼谷 自閉波終於出動去試新的餐廳🤣 這次去了吃很~~~久沒吃的越南菜🇻🇳 - ⚾Rice noodle topped with BBQ pork and fried spring rolls 220฿ 吃越南菜最喜歡撈檬和炸春卷🤤一碗已經能滿足我🤩醬汁酸酸甜甜很開胃，而且醬汁份量足夠👍🏻炸春卷很好吃🤩🤩外皮香脆內餡也很夠味😋豬肉就較為失色，有一點乾🤡 . ⚾️charcoal grilled beef wrapped in wild betel leaves 260฿ 被黑漆漆的外觀嚇了一跳😮但吃下去肉質彈牙偏甜🧐與生菜和其他配菜包著一起吃都不錯👍🏻但菜之間類似粉皮的東西就一般般，質地像有嚼勁的膠😅旁邊的切片蔬菜，青瓜正正常常，生芒果很酸，還有一種不知道是什麼但不好吃😟 - ⚽️總評⚽️ 大推撈檬和炸春卷🤩🤩grilled beef也還可以吧但下次應該會嘗試其他菜式不會再點這個😂😂 只有一項要投訴的地方——音樂太慢聽到差點睡著🥱然後音樂氣氛很沉重😅 - 🏐Saigon Recipe Pima49 Heritage Project 46/5, Soi Sukhumvit 49, Sukhumvit Road, Watthana, Bangkok 10:30 - 21:30 (Thursday close at 15:00) (Weekday 15:00 - 17:00 break) - #一粒波arollingball #一粒波食好西 #一粒波碌去泰國 #泰國美食 #saigonrecipe #曼谷美食 #曼谷 #hkfoodie #曼谷餐廳 #曼谷食評 #sukhumvit美食 #asok美食 #bangkokrestaurant #bangkokfood #bangkok

🎾 #一粒波碌去曼谷
話說這間croissant之前已經不斷在我ig ad出現
然後今天跟朋友去Thong Lo附近
一說才知道原來是朋友的朋友開的店😮😮
所以立刻要去試一試🤤
一到達裏裏外外已經全是grab food driver😂
-
⚾Berry explode 350฿
雖然價錢比較貴🤡但份量亦頗大😮Cronut內有cream cheese和blueberry jam，表面亦有滿滿的crumble/blueberry jam/berries🫐底層口感較軟，而上層就有很多層次很香牛油味🧈吃起來酸酸甜甜🤤🤤
.
⚾️Croissants 30-65฿
店內有多達10款不同口味的croissants🥐😮croissant層次分明而且超香牛油味🧈雖然比起其他店size比較小，但波反而覺得這個size很適中👍🏻性價比也很好🤩
-
💬題外話
現在應該是因為疫情關係所以只能外帶喔
身處曼谷的波們如果想吃可以叫grab food📱
-
🏐 Susan Croissant
384/1, Soi Ekkamai 24, Sukhumvit Road, Watthana, Bangkok
07:00 - 19:00
-
#一粒波arollingball #一粒波食好西 #一粒波碌去泰國 #泰國美食 #susancroissant #曼谷美食 #曼谷 #hkfoodie #曼谷餐廳 #thonglor #ekkamai #bangkok #波比泰國藍帶遊記

Dean & Deluca สาขาอาคารสาทร สแควร์ อยู่ติดกับบีทีเอสช่องนนทรีเลย เดินไปทางเชื่อมบีทีเอสเข้าตึก ลงไปชั้นล่างสุดก็จะเจอร้านอยู่แถวๆบันไดเลื่อน หรือใครจะขับรถมาตึกนี้เค้าก็มีที่จอด แต่ถ้าไม่ได้ปั้มบัตรจอดจะเสียค่าจอดชั่วโมงละ 50 ช่วงโควิดเลยสั่ง Sandwich Ham & Cheese Melt มาทานที่โต๊ะ ชีสเยิ้มๆเลยหอมมาก ชิ้นโต ราคาแรงอยู่ สองร้อยกว่าบาท แต่บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง

ร้าน Maisen สาขาสีลมคอมเพล็กซ์ อยู่ชั้น B เดินทางมาง่ายเข้าทางเชื่อมจากบีทีเอส ศาลาแดงเข้าห้างมาได้เลย สั่งเป็น Set จะคุ้มกว่า มีจานหลัก น้ำ และของหวาน จุดเด่นของร้าน เค้าจะมีผักกะหล่ำให้เติมไม่อั้น ใส่กับน้ำสลัดก็อร่อยดีนะ อาหารออกช้าระดับนึง มารีบๆหลีกเลี่ยงจะดีกว่า วัตถุดิบมีคุณภาพนะ หมูมีให้เลือกสันนอก/ใน จัดไปจุกๆเลย